การตลาดผ่าน “ซองทิชชู” ฉบับ A money ทำไมสินเชื่อต้องแจกทิชชูแทนใบปลิว?

  • ธุรกิจสินเชื่อในไทยที่มีบริษัทแม่เป็นบริษัทญี่ปุ่นมักใช้ “ทิชชู” เป็นเครื่องมือการตลาดควบคู่ใบปลิว เพื่อใช้โปรโมต 
  • เหตุผลที่ใช้ทิชชูเพราะดึงดูดลูกค้ามากกว่า เอาไปใช้งานต่อได้ ถ้าเทียบกับใบปลิวที่รับแล้วอาจจะทิ้งเลย
  • ยอดการสมัครสินเชื่อมาจากทิชชูเป็นอันดับหนึ่ง ถือว่าเป็นวิธีที่ได้ผล

ไอเดียจากประเทศญี่ปุ่น

หลายคนอาจจะเคยเห็น หรือเคยได้รับ “ซองทิชชู” แจกฟรีจากบริษัทสินเชื่อส่วนบุคคล หรือบัตรกดเงินสดตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นการแจกซองทิชชูเหมือนแจกใบปลิวเลย หลายคนต้องแวะรับ ถ้าใครเดินผ่านก็ยังต้องเดินกลับมารับเลยก็มี เพราะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ต่างจากใบปลิวที่ถ้าได้รับมาก็คงหย่อนลงถังขยะในทันที หรือเลือกที่จะไม่รับเลยตั้งแต่แรก

กลยุทธ์นี้ได้เริ่มต้นจากบริษัทสินเชื่อใหญ่ๆ อย่าง Umay+ และ A money ที่มีบริษัทแม่เป็นบริษัทญี่ปุ่น ได้นำไอเดียนี้ที่ใช้ในญี่ปุ่นแล้วประสบความสำเร็จมาใช้ในประเทศไทย กลายเป็นกลยุทธ์หลักในการสื่อสารกับลูกค้าที่ใช้ควบคู่กับสื่ออื่นๆ

สมพร บุญเกิด ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและกลยุทธ์การตลาด บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสินเชื่อ A money ได้เริ่มเล่าว่า

“จริงๆ การใช้ซองทิชชู่ไม่ได้เป็นสิ่งใหม่ ต้นฉบับมาจากญี่ปุ่น เป็นเครื่องมือหลักในการทำประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุด ถ้าไปแจกใบปลิวลูกค้าไม่เข้าหา พอใช้ทิชชู่ลูกค้าจะเข้าหา Win-Win ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ PR โลโก้บริษัท และมีทิชชูใช้ และมีการ Remind ซ้ำๆ เพราะไม่ได้ใช้หมดในครั้งเดียว ต้องมีการหยิบมาใช้เรื่อยๆ”

โดยธุรกิจสินเชื่อมีการโฆษณาผ่านช่องทางออฟไลน์เป็นหลัก ทาง A money ได้ใช้ซองทิชชูควบคู่กับการแจกใบปลิว เป็นการผนึกกำลังกันเสียมากกว่า ซองทิชชูได้ในแง่ของการสร้างการรับรู้ การเข้าถึงลูกค้า แต่ใบปลิวจะได้ในการโปรโมตแคมเปญ ได้ใส่รายละเอียดทุกอย่าง เพราะซองทิชชูไม่สามารถใส่รายละเอียดของแคมเปญได้หมด 

โดยในระบบหลังบ้านจะมีข้อมูลอยู่ว่าลูกค้ามาสมัครสินเชื่อจากช่องทางไหน ถ้าการสมัครที่สาขา ซองทิชชูยังเป็นสื่ออันดับหนึ่งที่ช่วยดึงลูกค้าใหม่ๆ ได้  

ทิชชูแดงรับตรุษจีน

แม้ในปีนี้ทิศทางตลาดจะเริ่มเปลี่ยนเล็กน้อย มีการเน้นสื่อออนไลน์มากขึ้น เพราะต้องอาศัยความเร็วในการสมัคร และการอนุมัติสินเชื่อ แต่ซองทิชชูก็ยังคงต้องใช้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ปีนี้มีกิมมิคอยู่ที่ใช้ “ซองทิชชูสีแดง” สร้างสีสันใหม่ๆ เพื่อรับกับเทศกาลปีใหม่ และตรุษจีน

“เราเริ่มใช้ซองทิชชูแดงตั้งแต่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสเมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อรับกับช่วงเทศกาลปีใหม่ และตรุษจีน ใช้ทิชชูสีแดงเพื่อสร้างสีสันใหม่ๆ กระตุ้นให้ลูกค้าอยากใช้มากขึ้น อีกทั้งสีแดงยังเป็นสีประจำบริษัท เป็นการกระตุ้นการรับรู้แบรนด์ได้ด้วย”

ในแต่ละปีมีการผลิตซองทิชชูประมาณ 100,000 ชิ้น ในปีนี้ก็ผลิตในจำนวน 100,000 ชิ้นเช่นเดียวกัน 

ถามว่าในอนาคตจะได้เห็นซองทิชชูรับกับเทศกาลอื่นๆ อีกหรือไม่ สมพรบอกว่าต้องรอดูผลตอบรับจากแคมเปญนี้ก่อน 

สินเชื่อแข่งดุ ชิงความเร็ว ต้องเป็น 1 ใน 3

A money เป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลกลุ่ม Non-bank ในไทย บริหารโดย บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อปี 2557 ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท เป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไอฟุล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจการเงินจากประเทศญี่ปุ่น

มีบริการหลักก็คือ สินเชื่อส่วนบุคคล และนาโนไฟแนนซ์ แต่รายได้หลักมาจากสินเชื่อส่วนบุคคล 80-90% ลูกค้าหลักเป็นกลุ่มพนักงานประจำ อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป รายได้ตั้งแต่ 5,000 บาท แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ส่วนนาโนไฟแนนซ์เน้นที่บุคคลที่ไม่มีรายได้ประจำ ไม่มีสลิปเงินเดือน เช่น กลุ่มฟรีแลนซ์ พ่อค้าแม่ค้าต่างๆ

สมพร เสริมอีกว่า ตลาดสินเชื่อในปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมาก เพราะผู้เล่นธนาคารก็ลงมาจับตลาดนี้ และกฎเกณฑ์ของแบงก์ชาติที่กำหนดให้บุคคลเดียวสามารถสมัครสินเชื่อได้แค่ 3 บริษัทเท่านั้น ทำให้บริษัทต้องเน้นที่ “ความเร็ว” เป็นหลัก ทั้งเร็วเรื่องการเข้าถึง และอนุมัติเร็ว ต้องทำให้ตัวเองเป็น 1 ใน 3 ให้ได้ 

“ตอนนี้การแข่งขันเน้นที่การอนุมัติเร็ว ใครเร็วใครได้ ใครๆ ก็อยากเป็น 1 ใน 3 เลยต้องเน้นระบบออนไลน์ สมัครผ่านมือถือ ผ่าน e-KYC อยู่บ้านก็สมัครได้ไม่ต้องไปที่สาขา”  

ปัจจุบัน A money มีฐานลูกค้ารวมกว่า 500,000 ราย ยังเน้นการเติบโตตามเป้า จะโฟกัสที่ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก