“บี-ควิก” ผงาดซื้อกิจการจากบริษัทแม่ สร้างแบรนด์ศูนย์บริการรถยนต์มาตรฐานโลก

กรุงเทพมหานคร – บริษัท บี-ควิก จำกัด ผู้นำศูนย์บริการบำรุงรักษารถยนต์ครบวงจร ประกาศเดินหน้าเสริมความแกร่งของแบรนด์ “บี-ควิก” ศูนย์บริการรถยนต์มาตรฐานโลก ตามนโยบายบริการซ่อมบำรุงรถยนต์แบบรวดเร็วรอรับได้ (Drive in, Ready while you wait) หลังจากทีมผู้บริหารได้นำทีมซื้อกิจการจาก ฟอรด์มอเตอร์ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัท พรูเดนเชี่ยล (จำกัด) มหาชน และบริษัท Thai Strategic Partners จำกัด

มร. เฮงก์ เจ คิกส์ และนางสาวบุศรารัตน์ อัสสรัตนกุล สองผู้เชี่ยวชาญธุรกิจศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ และอดีตผู้บริหารบริษัท เอซีเอสจี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ริเริ่มการซื้อกิจการครั้งนี้ พร้อมทั้งเข้ามาเป็นผู้นำทีมบริหารจัดการศูนย์บริการ บี-ควิก โฉมใหม่ภายใต้บริษัท บี-ควิก จำกัด

มร. คิกส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี-ควิก จำกัด กล่าวว่า “สำหรับการซื้อกิจการ บี-ควิก ในครั้งนี้ เป็นการซื้อกิจการที่นำโดยผู้บริหารของบริษัทเอง หรือที่เรียกด้วยศัพท์ด้านการเงินว่า Management-led Buy-out และเป็นครั้งแรกที่มีการซื้อกิจการในลักษณะนี้ในประเทศไทย ซึ่งผลดีของการซื้อกิจการในลักษณะนี้ก็คือเราสามารถจะวางแผนการขยายกิจการของเราได้ด้วยตนเอง โดยไม่ขึ้นอยู่กับบริษัทแม่เหมือนแต่ก่อน”

จุดแข็งของศูนย์บริการ บี-ควิก อยู่ที่คุณภาพ และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และบริการ ยกตัวอย่างเช่น เรามีสต็อกสินค้ายางรถยนต์ทุกยี่ห้อสำหรับรถยนต์ทุกประเภท โดยไม่จำกัดเฉพาะยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งช่างผู้เชี่ยวชาญของบี-ควิกจะเป็นผู้แนะนำสินค้าให้เหมาะสมกับการใช้งานของรถลูกค้ามากที่สุด ดังนั้นลูกค้าจึงมีโอกาสเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดในระดับราคาต่างๆกัน

สำหรับผลประกอบการของ บี-ควิก ในปี 2546 นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1-3 ที่ผ่านมานั้น มีมูลค่ารวม 443 ล้านบาท โดย บี-ควิก ตั้งเป้าที่จะทำยอดผลประกอบการให้ได้ถึง 600 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ หรือเท่ากับเติบโตขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์เทียบกับปี 2545 นอกจากนั้น บี-ควิก ยังได้วางแผนที่จะเปิด สาขาใหม่อีก 4 แห่งภายในปีนี้ และอีก 10 แห่งในปีหน้า พร้อมทั้งเพิ่มทีมงานจาก 280 คนในปัจจุบัน เป็น 320 คนภายในสิ้นปีนี้ และเพิ่มเป็น 450 คนภายในสิ้นปีหน้า

ทางด้านนางสาวบุศรารัตน์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท บี-ควิก จำกัด กล่าวว่า “การซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะการเข้ามาเป็นเจ้าของแบรนด์ บี-ควิก โดยสมบูรณ์ทำให้เราสามารถวางแผนขยายกิจการได้เต็มที่และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อลูกค้าและพนักงาน และเราเชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตลาดรถยนต์โดยรวมอีกด้วย”

“กลยุทธ์เชิงรุกเช่นนี้จะนำศูนย์บริการ บี-ควิก มาใกล้ตัวลูกค้ามากขึ้น และเพิ่มโอกาสที่น่าตื่นเต้นท้าทายให้แก่พนักงาน บี-ควิก ในอนาคต ทีมงานของเรามีความแข็งแกร่งและทุ่มเทอย่างมาก ซึ่งกลายเป็นจุดแข็งที่สร้างความแตกต่างให้กับ บี-ควิก เมื่อเทียบกับคู่แข่ง กล่าวได้ว่าทีมงาน บี-ควิก คือรากฐานแห่งความสำเร็จของเรา และเพื่อให้การขยายกิจการดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงรับพนักงานเพิ่ม เพื่อเข้ารับการอบรมตามหลักสูตรของบี-ควิกที่ศูนย์ฝึกอบรมทั้งสองแห่งของเราก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าพนักงาน บี-ควิก ทุกคนจะมีคุณสมบัติและทักษะที่ได้มาตรฐานระดับสูงเท่าเทียมกันทุกคนตามที่เรากำหนด” นางสาวบุศรารัตน์กล่าว

มร. คิกส์ กล่าวเสริมว่า “ขณะนี้คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นท้าทายที่สุดสำหรับทีมงาน บี-ควิก ทุกคน เพราะมีปัจจัยเกื้อหนุนต่างๆ เช่น สถานะทางธุรกิจ แผนขยายการเติบโต การสนับสนุนของพันธมิตร และความทุ่มเทของพนักงาน เราพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าต่อไปเพื่อตอบสนองความจำเป็นและความต้องการที่เพิ่มขึ้นอยู่เสมอของผู้ขับขี่รถยนต์ในเมืองไทย”

ข้อมูลบี-ควิก

บี-ควิก ก่อตั้งเมื่อปี 2539 ในชื่อของบริษัท บุญผ่อง จำกัด และขยายสาขาเป็น 5 แห่งภายในเวลาอันรวดเร็ว ต่อมาในปี 2542 บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ จำกัด ซื้อกิจการและขยายสาขาเป็น 28 แห่ง ซึ่งจะเป็นเครือข่ายหลักของกิจการ บี-ควิก ในอนาคต

ปัจจุบัน บี-ควิก ให้บริการลูกค้าเดือนละกว่า 20,000 ราย ครองส่วนแบ่งในตลาดซ่อมบำรุงรถยนต์ในกรุงเทพมหานครทั้งหมด 10 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเครือข่ายบริการขนาดใหญ่ทำให้บริษัทสามารถสั่งซื้อสินค้ามาลงสต็อกได้ในราคาที่ได้เปรียบคู่แข่ง และส่งต่อความประหยัดไปให้ลูกค้าได้อีกทอดหนึ่ง นอกจากนี้ บี-ควิก ยังมีสินค้าและบริการที่หลากหลายครบถ้วนที่สุดในวงการศูนย์บริการรถยนต์ โดยนำเสนอบริการที่ประหยัดแต่ได้มาตรฐานสูงสุด เพื่อความคุ้มค่ามากที่สุดสำหรับลูกค้าแต่ละราย

บี-ควิก คือผู้ให้บริการบำรุงรักษารถยนต์อิสระที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 สาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑล พร้อมด้วยทีมช่างผู้ชำนาญที่ผ่านการอบรมเฉพาะด้าน เพื่อให้บริการตาม แนวคิดการบริการซ่อมบำรุงแบบรวดเร็วรอรับได้สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุก โดยมีสินค้าและบริการหลัก ได้แก่ ยางรถยนต์ เบรก แบตเตอรี่ น้ำมันเครื่อง ไส้กรอง และการซ่อมบำรุงระบบขับเคลื่อนและระบบช่วงล่าง