พลังสะอาดยังอีกไกล! หลังการใช้ ‘ถ่านหิน’ พุ่งเป็นประวัติการณ์ เนื่องจาก ‘ราคาถูก’ และการมาของ ‘AI’ ทำให้โลกต้องการใช้พลังงานมากขึ้น

ภาพจาก Shutterstock
ดูเหมือนโลกจะยังไม่สามารถลดการใช้ ถ่านหิน ในการผลิตไฟฟ้าได้ในเร็ว ๆ นี้ ยิ่งการมาของ AI ส่งผลให้โลกยิ่งต้องการการใช้พลังงานมากขึ้น ดังนั้น ถ่านหินยังเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าเดียวที่ ราคาถูก และ เสถียร แม้จะไม่ดีกับโลกก็ตาม

เลิกใช้ไม่ได้ เพราะเสถียรและถูก

ในปี 2024 ที่ผ่านมา ทั่วโลกมีการใช้งาน ถ่านหิน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่ 8.77 พันล้านตัน ส่งผลให้กําลังการผลิตถ่านหินของโลกทําสถิติสูงสุดที่เกือบ 2,175 กิกะวัตต์ และมีการคาดการณ์ว่า ความต้องการถ่านหินทั่วโลกในปริมาณดังกล่าวจะยังคงอยู่ในระดับเดียวกันจนถึงปี 2027

โดย Dorothy Mei ผู้จัดการโครงการของ Global Coal Mine Tracker ของ Global Energy Monitor เปิดเผยว่า ความต้องการที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจาก เอเชีย ขณะที่การใช้งานในฝั่งยุโรป และสหรัฐอเมริกา เริ่มลดลงอย่างมาก 

โดย จีน เป็นประเทศที่มีการใช้งานถ่านหินมากที่สุดในโลก โดยคิดเป็นมากกว่า 56% และในปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าจีนนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้น 14.4% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นจำนวน 542.7 ล้านเมตริกตัน เทียบกับ 474.42 ล้านตันในปีก่อนหน้า นอกจากนี้ จีนยังกักตุนถ่านหินสูงเป็นประวัติการณ์ เพื่อเตรียมประเทศให้พร้อมสําหรับการขาดแคลนพลังงานที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาสภาพอากาศ

ด้านการใช้งานพลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นพลังงานน้ำ พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ คิดเป็นเกือบ 30% ของการผสมผสานไฟฟ้าของจีนในปี 2023 แต่เนื่องจากปริมาณฝนที่ลดลง ทำให้รัฐบาลจีนยังคงต้องพึ่งพาพลังงานถ่านหินเพื่อให้มั่นใจถึงความมั่นคงด้านพลังงาน 

ไม่ใช่แค่จีน แต่ อินเดีย ที่กำลังมุ่งไปที่การเพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้มีความต้องการบริโภคปูนซีเมนต์และเหล็ก ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาถ่านหินอย่างมาก ส่งผลให้อินเดียได้ขยายคําสั่งสําหรับนำเข้าถ่านหินสำหรับโรงไฟฟ้า 

ส่วนฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง เวียดนาม คาดว่าจะ แซงหน้าไต้หวัน ในฐานะ ผู้นําเข้าถ่านหินรายใหญ่อันดับ 5 ของโลก หลังจากที่ปีที่ผ่านมา การนําเข้าถ่านหินของประเทศทําสถิติสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี ส่วน อินโดนีเซีย ปีที่ผ่านมาก็ได้เพิ่มการผลิตถ่านหินเป็นประมาณ 831 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุด 

“หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้การใช้งานถ่านหินยังคงสูง เป็นเพราะราคาที่ถูก เพราะหลังจากที่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาก๊าซพุ่งสูงขึ้น” Ian Roper นักยุทธศาสตร์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Astris Advisory Japan KK กล่าว

ภาพจาก Shutterstock

AI ยิ่งทำให้ใช้ไฟฟ้า

นอกจากนี้ การมาของ AI คาดว่าจะทำให้การบริโภคไฟฟ้าทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ทําให้โลกยิ่งยากต่อการเลิกใช้ถ่านหิน เพราะเป็นแหล่งผลิตพลังงานที่ เชื่อถือได้ และ ราคาไม่แพง โดยคาดว่าภายในปี 2030 ความต้องการไฟฟ้าจากศูนย์ข้อมูลที่ใช้สำหรับ AI อาจเกิน 35 GW มากกว่าสองเท่าของ 17 GW ที่บันทึกไว้ในปี 2022 

คงต้องรอดูว่าจะมีอะไรมาทำให้การใช้ถ่านหินลดลงหรือไม่ ไม่เช่นนั้นโลกก็ไม่อาจบรรลุข้อตกลงสภาพภูมิอากาศของปารีสปี 2015 ที่ต้องการจํากัดภาวะโลกร้อนให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส และพยายามจํากัดอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส เพื่อป้องกันไม่ให้โลกร้อนขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เพราะการจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว คาดว่าการปล่อยมลพิษจะต้องลดลง 45% ภายในปี 2030 และถึงศูนย์ภายในปี 2050