เด็กน้อย-เด็กหนวดชาวอเมริกันเตรียมหยอดกระปุกเพิ่ม หลังราคา ‘ของเล่น’ อาจแพงขึ้น 20% เพราะ ‘ทรัมป์’ ขึ้นภาษีจีน

ภาพจาก : express.co.uk/finance/city/621515/Toys-R-Us-stop-selling-boys-girls-toys
อย่างที่รู้กันว่า จีน เปรียบเสมือนโรงงานผลิตสินค้าของโลก อย่างไรก็ตาม จากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนล่าสุด ที่ ขึ้นภาษีสินค้าจากจีน กำลังส่งผลกระทบในหลายอุตสาหกรรม รวมไปถึง ของเล่น

เนื่องจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศว่า เขาวางแผนที่จะเก็บภาษีพิเศษจากการนําเข้าสินค้าทุกชนิดจากจีนเป็น 20% ซึ่งนั่นกำลังจะส่งผลกระทบต่อ ราคาของเล่น ในตลาดสหรัฐฯ เพราะ เกือบ 80% ของของเล่นที่ขายในสหรัฐฯ มาจากจีน ตามรายงานของ The Toy Association

โดย Greg Ahearn ประธานและซีอีโอของ The Toy Association คาดว่า ราคาสินค้าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 15 – 20% สําหรับเกม ตุ๊กตา รถของเล่น และของเล่นอื่น ๆ โดยขณะนี้ ผู้ผลิตของเล่นจํานวนมากกําลัง เจรจาราคาใหม่ กับร้านค้าปลีก และกำลังพิจารณาถึงการ ลดต้นทุน ได้อย่างไรบ้าง เพราะช่วงราคาที่ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ยินดีจ่ายปัจจุบันอยู่ที่ระหว่าง 4.99 – 19.99 ดอลลาร์ (ราว 170 – 670 บาท) ทําให้มีช่องว่างเพียงเล็กน้อยในการขึ้นราคา 

ขณะที่บริษัทของเล่นบางแห่งกําลังมองหาวิธีที่จะหลีกเลี่ยงการขึ้นราคา โดยการ ย้ายฐานการผลิต อาทิ Steve Rad ซีอีโอของผู้ผลิตของเล่น Abacus Brands Inc. กล่าวว่า บริษัทเขา กําลังพิจารณาเปลี่ยนไปใช้โรงงานในประเทศต่าง ๆ เช่น กัมพูชาหรือเวียดนาม

แต่ต้องยอมรับว่า ทั้ง 2 ประเทศยังไม่มีทักษะในระดับเดียวกันกับผู้ผลิตในจีน ดังนั้น เป็นไปได้ว่าอาจหยิบสินค้าบางชนิดกลับมาผลิตในสหรัฐฯ รวมถึงอาจจะ ตัดฟังก์ชัน บางอย่างของของเล่น เพื่อลดต้นทุน รวมถึงการ เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์

ด้าน Jay Foreman ซีอีโอของ Basic Fun เจ้าของคาแรกเตอร์ Tonka และ Care Bears กล่าวว่า เขาพยายามที่จะโน้มน้าวให้ผู้ค้าปลีกแบ่งช่วยแก้ปัญหาต้นทุนจากภาษี เพื่อจะไม่ผลักภาระไปที่ผู้บริโภค ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเล่นเกือบทั้งหมดของ Basic Fun ผลิตในประเทศจีน ยกเว้น K’Nex ซึ่งเป็นชุดก่อสร้างที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ ธุรกิจของเล่นขนาดเล็ก คิดเป็นสัดส่วน 96% ของอุตสาหกรรมของเล่นในอเมริกาเป็นธุรกิจขนาดเล็ก

Source