กำลังมาแรงในสหรัฐฯ สุด ๆ สำหรับอีคอมเมิร์ซน้องใหม่ DHgate หลังจากเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จนนักช้อปชาวอเมริกันต้องหาแพลตฟอร์มใหม่ไว้ช้อปของถูก จนทำให้ DHgate ถูกดาวน์โหลดจนติด Top 2 บน App Store ในสหรัฐฯ
ก่อตั้งโดยเจ้าของฉายา แจ็ค หม่า เวอร์ชั่นผู้หญิง
DHgate.com ถูกก่อตั้งขึ้นโดย Diane Wang (ไดแอน หวัง) ที่ถือเป็นหนึ่งในผู้หญิงคนแรก ๆ ของจีนที่ทำงานระดับสูงในบริษัทไอทีข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft และ Cisco นอกจากนี้ เธอยังเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกวงการอีคอมเมิร์ซจีน โดยได้ก่อตั้งเว็บไซต์ Joyo.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซยุคแรกของจีน
ต่อมาในปี 2004 Joyo.com ก็ได้ถูก Amazon เข้าซื้อกิจการ และหลังจากขาย Joyo ไป ไดแอนก็ได้ก่อตั้ง DHgate โดย DH ย่อมาจากชื่อเมือง Dunhuang (ตุนหวง) ซึ่งถือเป็นเมืองสำคัญในเส้นทางสายไหม ที่จีนใช้ทำการค้ากับตะวันตก ส่วน Gate หมายถึง ประตู ดังนั้น DHgate จึงเปรียบเสมือน ประตูการค้ายุคใหม่ที่เชื่อมจีนสู่โลก ตามวิสัยทัศน์ของเธอที่ต้องการเชื่อม ผู้ผลิตจีน เข้ากับ ตลาดต่างประเทศ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
ด้วยความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ไดแอน หวัง เคยได้รับการขนานนามว่าเป็น แจ็ค หม่า เวอร์ชั่นผู้หญิง เลยทีเดียว
มีผู้ใช้กว่า 40 ล้านคนทั่วโลก
แม้ว่า DHgate จะเน้นขายของแบบ B2B (Business to Business) เป็นหลัก แต่ก็มีผู้ซื้อทั่วไป (B2C) ใช้บริการจำนวนมาก เนื่องจากสินค้ามีราคาถูก และมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า, รองเท้า, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, สินค้า OEM ฯลฯ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังใช้ระบบ Escrow คือ ผู้ซื้อจ่ายเงินให้ DHgate ก่อน เมื่อผู้ซื้อได้รับสินค้า ทางแพลตฟอร์มถึงจะโอนเงินให้ผู้ขายหลัง เพื่อป้องกันการโกง
ปัจจุบัน DHgate มีผู้ขายมากกว่า 2.3 ล้านราย โดยมีการผลิตสินค้าออกสู่แพลตฟอร์มกว่า 30 ล้านชิ้นต่อปี ใน 26 หมวดหมู่ และมีผู้ใช้มากกว่า 40 ล้านราย จากกว่า 220 ประเทศทั่วโลก โดยมีคลังสินค้าต่างประเทศมากกว่า 10 แห่ง และมีเส้นทางโลจิสติกส์กว่า 100 เส้นทาง
กลายเป็นไวรัลใน TikTok สหรัฐฯ
จากสงครามการค้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ขึ้นภาษีสินค้าจากจีน 145% ได้กลายเป็นการจุดกระแสให้นักช้อปชาวอเมริกันเริ่มมองหาแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพราะกลัวว่าแพลตฟอร์มเดิม ๆ ที่ใช้ จะปรับราคาสินค้า ไม่ว่าจะเป็น TikTok Shop หรือ Temu และหวยก็มาออกที่ DHgate เนื่องจากกำลังเป็นไวรัลใน TikTok สหรัฐฯ
เนื่องจากมีบรรดา อินฟลูเอนเซอร์ และเจ้าของผู้ผลิตสินค้า ได้ออกมาแฉเบื้องหลังสินค้าแบรนด์เนมว่าจริง ๆ แล้ว สินค้าเหล่านั้นถูกผลิตในจีนเกือบทั้งหมด และถ้าอยากได้ของคุณภาพแบรนด์เนม ในราคาถูกกว่า สามารถหาได้จากจีน ซึ่งก็คือ DHgate
“จีนเป็นผู้ผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ลักชูรี่ที่ส่งให้อเมริกา ประเทศในยุโรปทั้งหมด อย่างกระเป๋า 1 ใบ จีนทำไปแล้ว 80% ที่เหลือส่งไปประเทศต่าง ๆ เช่น อิตาลี เพื่อแสตมป์โลโก้ ทำกล่อง เพื่อให้เหมือนกับว่าผลิตในอิตาลี” ข้อความจากผู้ใช้ TikTok ในชื่อ doctortangmow อ้าง
จากคลิปไวรัลดังกล่าว ส่งผลให้ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน DHgate จากที่อยู่ อันดับ 200 ก็ขึ้นมาเป็นแอปฯ ฟรีที่มียอดดาวน์โหลดมาก อันดับ 2 บน App Store เป็นรองแค่ ChatGPT ตามข้อมูลจาก Sensor Tower
สู่การตั้งคำถาม มูลค่าที่แท้จริงของแบรนด์เนม
จากวิดีโอไวรัลใน TikTok ที่ได้ จุดเประเด็นให้แบรนด์เนมหรู จนก่อให้เกิดคําถามเกี่ยวกับ มูลค่าที่แท้จริง ของสินค้าจากแบรนด์เนมที่แสดงให้เห็นว่า ไม่คุ้มค่า จากผู้ใช้ที่ชื่อว่า Valbulosity ซึ่งวิดีโอได้รับยอดวิวมากกว่า 6 ล้านครั้งและ 600,000 ไลก์
เพราะผู้ซื้อสามารถเป็นเจ้าของ ของก๊อบแบรนด์เนม ในราคาถูกแสนถูก อาทิ กระเป๋าสตางค์ที่คล้ายกับ Louis Vuitton Pochette ที่มีราคา 1,490 ดอลลาร์หรือราว 50,000 บาท ถูกขายในราคาเพียง 3.24 ดอลลาร์หรือราว 100 บาท และสามารถขายได้มากกว่า 100 ชิ้น
หรือจะเป็นกระเป๋า Goyard ในราคาประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐ (640 บาท) เมื่อเทียบกับของแท้ที่ราคาเกิน 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ (136,000 บาท) หรือกางเกงโยคะ Lululemon ที่ปกติขายในราคา 98 ดอลลาร์หรือราว 3,200 บาท ก็หาซื้อได้ในราคาเพียง 13 ดอลลาร์สหรัฐ (430 บาท) ซึ่งขายไปมากกว่า 10,000 ชิ้น ตามข้อมูลจากแอปฯ
techcrunch / bloomberg / scmp