หากพูดถึงมหาเศรษฐีระดับโลก ต้องมีชื่อ “Bill Gates” (บิล เกตส์) ติดโผระดับต้น ๆ ซึ่งปัจจุบัน (ณ เดือน พ.ค. 68) เขามีทรัพย์สินราว 1.08-1.13 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.9-4.1 ล้านล้านบาท
ล่าสุด เกตส์ประกาศยกทรัพย์สิน 99% ให้กับมูลนิธิ Gates Foundation ภายใน 20 ปีข้างหน้า
โดยตั้งเป้าใช้จ่ายมากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 20 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว จากที่เคยบริจาคมา 1 แสนล้านดอลลาร์ ในช่วง 25 ปีมานี้ เพื่อหวังแก้ไขปัญหาสุขภาพและความยากจนทั่วโลก หลังจากนั้นมูลนิธิจะปิดตัวลงอย่างถาวรในปี 2045
เกตส์ กล่าวว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจจากบทความ The Gospel of Wealth ของ Andrew Carnegie ที่กล่าวว่า “คนที่ตายโดยยังร่ำรวยอยู่ คือคนที่ตายอย่างน่าอับอาย”
เกตส์ไม่ต้องการให้คำว่า “เขาตายทั้งที่ยังรวย” เป็นสิ่งที่คนจดจำ นำมาสู่แผนบริจาคทรัพย์สินเกือบทั้งหมดในวันนี้
ทั้งนี้ เป้าหมาย 20 ปี ของมูลนิธิจะเน้นไป 3 ส่วนหลัก ได้แก่
1.ยุติการเสียชีวิตของแม่และเด็กจากสาเหตุที่ป้องกันได้
- ลดการตายของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีลงอีกครึ่ง
- ส่งเสริมโภชนาการ การดูแลแม่ตั้งครรภ์ และเข้าถึงวัคซีนที่จำเป็น
2.สร้างโลกที่ปลอดจากโรคติดเชื้อร้ายแรง
- ตั้งเป้ากำจัดโรคโปลิโอ มาลาเรีย และหัด
- สนับสนุนนวัตกรรม เช่น ยีนบำบัด HIV และวัคซีนวัณโรคใหม่
- ลดต้นทุนให้ยารักษาเข้าถึงได้ในประเทศยากจน
3.ยกระดับคนหลายร้อยล้านคนให้หลุดพ้นจากความยากจน
- เน้นด้านการศึกษา โดยเฉพาะในโรงเรียนรัฐของสหรัฐฯ
- สนับสนุนเกษตรกรรายย่อยด้วยเมล็ดพันธุ์ทนภัยแล้งและมีสารอาหารมากขึ้น
- พัฒนาเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
- ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรหญิง
อย่างไรก็ตาม เกตส์ มองเห็นข้อจำกัดและความท้าทาย มาจากสาเหตุหลายประการ เช่น
- การสนับสนุนจากรัฐบาล ทั้งของสหรัฐฯ และยุโรป กำลังลดลง
- ประเทศในแอฟริกาบางแห่งใช้งบจ่ายหนี้มากกว่างบสาธารณสุข
- เขายืนยันว่า มูลนิธิจะยังคงช่วยเหลือประเทศยากจนให้ลุกขึ้นได้ด้วยตัวเอง

เกตส์ กล่าวว่า ต้นแบบการเป็นผู้ให้ของเขาล้วนได้รับอิทธิพลมาจากคนรอบข้าง
“แม่” เป็นคนปลูกฝังแนวคิดเรื่องการ “ตอบแทนสังคม” ให้ผม เธอเชื่อว่า “เมื่อเรามีมาก เราก็มีหน้าที่มาก” และสอนให้ผมเข้าใจว่าทรัพย์สินที่ผมมี เป็นสิ่งที่ผมมีหน้าที่ดูแล ไม่ใช่ครอบครองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
“พ่อ” ถือเป็นผู้วางรากฐานค่านิยมของมูลนิธิ เขาเป็นคนทำงานร่วมกับคนอื่นเก่ง รอบคอบ และกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ 3 คุณสมบัตินี้ยังคงเป็นหัวใจของทุกอย่างที่เราทำจนถึงวันนี้ ทุกปี เรามีรางวัล “Bill Sr. Award” ให้กับพนักงานที่สะท้อนค่านิยมของเขามากที่สุด
“Warren Buffett” ผู้เป็นต้นแบบแห่งความใจบุญ เขาเป็นคนแรกที่บอกผมว่า คนรวยควร “ให้ทุกอย่างคืนสู่สังคม” และเขาก็ได้บริจาคให้มูลนิธิของเรามาตลอดหลายสิบปี
“Chuck Feeney” ก็เป็นฮีโร่ของผมอีกคน เขาเชื่อว่า คนรวยควรบริจาคในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แนวคิดนี้ส่งผลต่อมุมมองเรื่องการกุศลของผมอย่างมาก

“การประกาศแผนวันนี้ คือจุดเริ่มต้นของ ‘บทสุดท้าย’ ในอาชีพของผม ซึ่งผมมาไกลจากวันที่เริ่มก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์กับเพื่อนตอนเป็นเด็กนักเรียน และในปีที่ Microsoft ครบรอบ 50 ปี ผมคิดว่าเป็นช่วงเหมาะสมดีที่ผมจะฉลอง ”ด้วยการคืนทรัพยากรที่ผมหาได้จากบริษัทนั้นกลับคืนให้กับโลก“ บิล เกตส์ กล่าวทิ้งท้าย