จำนวน ‘เศรษฐีพันล้าน’ ทั่วโลกลดลง 8% กว่าครึ่งเป็น ‘เศรษฐีจีน’ หลังเจอพิษศก. ทำความมั่งคั่งหด

ภาพจาก Getty Images
จำนวนของมหาเศรษฐีโลกลดลงกว่า 400 คน และกว่าครึ่งเป็นการหายไปของ มหาเศรษฐีจีน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรัฐบาลของจีนที่เริ่มหันมาลงดาบเหล่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลกที่ส่งผลกระทบ ทำให้ความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีลดลงจนไม่ติดอันดับลิสต์มหาเศรษฐีโลก

จากการจัดอันดับ มหาเศรษฐีโลกที่มีทรัพย์สิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป (ราว 3.4 หมื่นล้านบาท) ในปี 2566 พบว่ามีมหาเศรษฐีที่หลุดจากลิสต์ถึง 445 คน และในจำนวนนี้ เป็นมหาเศรษฐีจีนถึง 229 คน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีเหล่านี้ลดลงเป็นผลมาจากการคุมเข้มทางการเงินทั่วโลก การหยุดชะงักของ COVID-19 และการปราบปรามบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของรัฐบาล

“จำนวนมหาเศรษฐีในโลกลดลง 8% ขณะที่ความมั่งคั่งรวมลดลง 10% โดยจำนวนมหาเศรษฐีในปีนี้ลดลงเหลือ 3,112 คน จากจำนวน 3,381 คนนปีที่ผ่านมา” Rupert Hoogewerf ผู้ก่อตั้งและประธาน Hurun Report กล่าว

ชื่อมหาเศรษฐีเด่น ๆ ที่หลุดจากลิสต์มหาเศรษฐีโลก อาทิ Sam Bankman-Fried ซึ่งสูญเสียทรัพย์สมบัติมูลค่า 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์หลังจากการล่มสลายของการแลกเปลี่ยน crypto FTX หรือ แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน ก็ร่วงลงมาอยู่ที่อันดับ 52 จากอันดับ 34 ในปีก่อนหน้า

“การขึ้นอัตราดอกเบี้ย การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ฟองสบู่บริษัทเทคโนโลยี และผลกระทบต่อเนื่องของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทั้งหมดนี้รวมกันสร้างความเสียหายต่อตลาดหุ้น โดยดัชนี S&P 500 (SPX ) ดิ่งลงมากกว่า 14% ขณะที่ในประเทศจีน ดัชนี Shanghai Composite (SSEC) ร่วงลงเกือบ 11%”

ในขณะเดียวกัน เงินหยวนของประเทศก็สูญเสียมูลค่าประมาณ 8% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่พุ่งสูงขึ้นในปี 2565 ซึ่งเป็นการลดลงประจำปีที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัว

ทั้งนี้ จีนในฐานะประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ปัจจุบันมีมหาเศรษฐีราว 969 คน มากกว่าประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีประมาณ 691 คน

Source