ทำไม ‘รวยไม่หยุด’ ถึงเปิดแบรนด์ใหม่ลุย ‘ตลาดแมส’ ทั้งข้าวแกงเริ่มต้น 29 บาท-บะหมี่ป๊อก ป๊อก 39 บาท

‘ช่วงเวลาเผาจริงได้เกิดขึ้นแล้วในปีนี้’ เป็นคำบอกเล่าของ ‘เกศ-ชุติมา เปรื่องเมธางกูร’ และ ‘แนท-นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์’ สองผู้บริหาร ‘รวยไม่หยุด กรุ๊ป’ เจ้าของอาณาจักรร้านอาหารเกาหลีถึงภาพของเศรษฐกิจในปัจจุบัน และนั่นเป็นสาเหตุให้รวยไม่หยุด กรุ๊ปต้องปรับโฟกัสธุรกิจ หันมารุก ‘ตลาดแมส’ เน้นเปิดแบรนด์ใหม่ที่กินง่าย ขายง่าย ในราคาจับต้องได้  

 

หากมองย้อนไปช่วง 8 ปีที่ผ่านมาร้านอาหารในเครือรวยไม่หยุดเกือบทั้งหมดจะจับผู้บริโภค ‘กลุ่มกลางไปจนถึงบน’ ซึ่งมีกำลังซื้อสูง โดยดำเนินการภายใต้ 3 บริษัท ประกอบด้วย

 

1.‘บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด’ ดูแลธุรกิจร้านอาหาร แบรนด์ที่อยู่ภายใต้ ได้แก่ nice 2 Meat u ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีระดับพรีเมียม 14 สาขา, Happy Pig ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลี 3 สาขา, เกศเตี๋ยว 1 สาขา และหมูกระทะคนรวย (อยู่ในระหว่างรีแบรนด์และย้ายโลเกชั่นใหม่)

 

2.‘บริษัท รวยสบายสบาย จำกัด’ ดูแลธุรกิจเครื่องดื่ม แบรนด์ที่อยู่ภายใต้ ได้แก่ Fire Tiger ร้านชานมไต้หวัน 10 สาขา, Juicy Bunny ร้านสมูทตี้ผลไม้ 6 สาขา และ EBOMB ร้านแซนด์วิชไข่ อยู่ใน Fire Tiger Coffee Siam Square Block I

 

3.‘บริษัท รวยปังปัง จำกัด’ ดูแลธุรกิจร้านขนมหวาน แบรนด์ที่อยู่ภายใต้ ได้แก่ Mil Toast คาเฟ่ขนมปังเกาหลี 8 สาขา, Sundububu ร้านอาหารและขนมปังเกาหลี 1 สาขา และ Dosan Dalmatian ร้านบรั้นช์คาเฟ่ชื่อดังจากเกาหลี 1 สาขา

 

สำหรับแบรนด์ใหม่ที่จะเห็นภายในปีนี้ จะมีด้วยกันทั้งหมด 8 แบรนด์ โดย 6 แบรนด์จะเป็นไปตามโฟกัสใหม่ นั่นคือ จับคนหมู่มากหรือตลาดแมสโดยเฉพาะ ประกอบด้วย

 

เกศเตี๋ยวป๊อก ป๊อก & ต้มยำ : ร้านบะหมี่และก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ราคาเริ่มต้น 39 บาท

ข้าวแกง & ปลาทู : ร้านข้าวแกงราคาเริ่มต้น 29 บาท

ร้าน Sushi & Izakaya (ยังไม่มีชื่อแบรนด์) ซึ่งมีเงินร้อยกว่าบาทก็สามารถอิ่มได้

Chago คาเฟ่ชาและเครื่องดื่ม

Standard Bun ร้านขนมปังจากเกาหลี

Daelim Korean Noodle ร้านก๋วยเตี๋ยวเกาหลี

 

ส่วนอีก 2 แบรนด์จะเป็นปิ้งย่างพรีเมียม ได้แก่ Cheong Dam เปิดสาขาที่สยามพารากอน และ Hannam เปิดสาขาที่ Central Dusit เพื่อทำให้พอร์ตร้านปิ้งย่างของรวยไม่หยุด กรุ๊ปแข็งแรงแกร่งยิ่งขึ้น

 

ปรับเพื่อให้อยู่รอดและโตต่อในอนาคต

 

เกศ-ชุติมา แชร์ให้ฟังว่า การปรับแผนธุรกิจครั้งนี้ ไม่เพียงจะมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่ดี ซึ่งเริ่มเห็นมาตั้งแต่หลังโควิดระบาด และรุนแรงมากขึ้นในปีนี้ โดยผู้บริโภค ‘กลุ่มกลางไปถึงบน’ ที่เคยมีกำลังซื้อ ตอนนี้ได้มีการรัดเข็มขัดจำกัดการใช้จ่ายอย่างชัดเจน

 

ประเด็นหลัก ยังมาจากพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบันที่ ‘เบื่อเร็ว’ และ ‘เห่อของใหม่’ ทำให้ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารในไทย กำลังจะกลายเป็น Fast fashion เช่นเดียวกับร้านอาหารในเกาหลีที่แบรนด์ส่วนใหญ่จะมีไม่เกิน 1-2 สาขาเท่านั้น และมีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นแทบจะตลอดเวลา

 

ถัดมา ทางรวยไม่หยุด กรุ๊ป ต้องการทลายข้อจำกัดเรื่องโลเคชั่นในการเปิดสาขา เพราะที่ผ่านมาด้วยแบรนด์ที่ส่วนใหญ่จะจับตลาดกลางถึงบน เมื่อไปเปิดสาขารอบนอกกรุงเทพฯ หรือเขตปริมณฑลจะประสบปัญหามียอดขายไม่เป็นไปตามคาดหมาย หากยังโฟกัสตลาดเดิมต่อไป จะทำให้ไม่สามารถขยายสาขาเพิ่มได้มากนัก

 

ดังนั้น การเปิดแบรนด์ใหม่เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้าตลอดเวลาและอุดช่องว่างทางธุรกิจขยายฐานสู่กลุ่มแมส จึงน่าจะทางออกที่ดีและตอบโจทย์ทางธุรกิจได้ตรงกับสถานการ์ณปัจจุบัน

 

“ความคิดนี้ ทดสอบว่าเวิร์คมากตอนทำร้านเกศเตี๋ยว ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 9 บาท ไปจนถึง 400 กว่าบาท ที่เป็นแบรนด์ใหม่เปิดเพียง 5 เดือน แต่ทำรายได้ไป 30 ล้านบาท จึงคิดว่ามาถูกทาง บวกกับเราต้องการปรับตัวให้ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงเป็นคำตอบว่า ทำไมถึงกล้าลงทุน 200 ล้านบาท เปิดแบรนด์ใหม่ 8 แบรนด์ทั้งที่เศรษฐกิจไม่ดีและดูทรงน่าจะซึมยาว”

 

หลังจากปรับโฟกัสธุรกิจมีแบรนด์ใหม่เข้ามา พร้อมรีแบรนด์และพัฒนาร้านที่มีอยู่เดิมให้สอดรับกับสถานการณ์ของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค แนท-นันทนัช เชื่อว่า จะผลักดันให้รวยไม่หยุด กรุ๊ป เติบโตในปีนี้ 20% มีรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีรายได้รวมประมาณ 770 ล้านบาท และมีกำไรกว่าร้อยล้านบาท 

ร้านอาหารจะปิดตัวมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพเศรษฐกิจ บวกกับการแข่งขันที่ดุเดือดของธุรกิจร้านอาหาร เป้าหมายดังกล่าวถือเป็นความท้าทายไม่น้อย โดยเฉพาะตอนนี้ผู้ประกอบการ ‘เจ็บหนัก’ ทุกราย 

 

เพราะนอกจากกำลังซื้อในประเทศจะลดลงต่อเนื่องแล้ว ‘นักท่องเที่ยวต่างชาติ’ ที่เคยเป็นอีกกลุ่มลูกค้าที่สำคัญ ตอนนี้ก็หดหายลงอย่างน่าตกใจ ซึ่งจากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ต่อจากนี้เราจะเห็นการปิดตัวของร้านอาหารมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะมีรายใหม่เข้ามา

 

โดยการจะอยู่รอดได้นอกจาก ‘คุณภาพ รสชาติ บริการดี’ ยังต้องคืนทุนให้ได้ภายใน 3 เดือน จากพฤติกรรมเบื่อเร็วและเห่อของใหม่ของลูกค้านั่นเอง