“มั่นคงเคหะการ” มีอายุกว่า 60 ปี สร้างชื่อจากการทำหมู่บ้าน “ชวนชื่น” ทว่าที่ผ่านมา ตลาดที่อยู่อาศัย เผชิญการแข่งขันสูง และชะลอตัวอย่างหนัก จากกำลังซื้ออ่อนลง
ส่งผลให้ มั่นคงฯ ตัดสินใจเพิ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อุตสาหกรรม คือ ปล่อยเช่าคลังสินค้าและโรงงาน ภายใต้ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (PD) เมื่อปี 2558 เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มรายได้

“วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจที่อยู่อาศัยของมั่นคงที่เน้นกลุ่มบ้านราคา 2-5 ล้านบาท ผลประกอบการหดตัวลง โดย ณ ไตรมาส 1 ปี 2568 พอร์ตฯ “ที่อยู่อาศัย” ทำรายได้ 80 ล้านบาท ลดลง 62% (YoY)
สวนทางกับพอร์ตฯ “อสังหาอุตฯ” กลับทะยานการเติบโต ทำรายได้ 224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% (YoY)
ปัจจุบันพรอสเพค ทำรายได้ 47% และกำไรขั้นต้น 54% ของพอร์ตฯ มั่นคง
“การปิดดีลพื้นที่เช่า 2 แสนตารางเมตร ง่ายกว่าการขายบ้านในขนาดพื้นที่ที่เท่ากัน เพราะบ้านต่องใช้เวลาในการปิดการขายและมีการแข่งขันสูงกว่าจะได้ยอดเท่าการปล่อยเช่าพื้นที่คลังสินค้า-โรงงาน”
ปัจจุบัน มั่นคง มีที่ดินพัฒนาสำหรับพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบได้รวม 800 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าขาย 2,900 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
“บริษัทฯ ไม่ไปต่อกับธุรกิจที่อยู่อาศัย ภายใน 3 ปีนี้ ส่วนที่ดินที่เหลือมีมูลค่ารวม 400 ล้านบาท รอขายออก เรื่องนี้เราคิดมา 3-4 ปีแล้ว จึงไม่มีการซื้อที่ดินใหม่มาราว 5 ปี“

มั่นคง ได้ชู ”พรอสเพค“ เป็นบริษัทเรือธง คาดว่าในอนาคตจะสร้างรายได้เกิน 80% ของพอร์ตฯ โดยปัจจุบันธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า มีพื้นที่รวม 1 ล้านตร.ม. แบ่งเป็น
- โรงงาน 88%
- คลังสินค้า 8%
- บริการอื่น ๆ 4%
“ณ สิ้นปี 2567 พรอสเพค มีโครงการให้เช่าโรงงานและคลังสินค้ารวม 9 โครงการ ทำอัตราการเช่าเฉลี่ยรวม 93% และมีอัตราการต่อสัญญาของลูกค้าเก่าเกิน 90% เนื่องจากเรามีจุดเด่นทำพื้นที่ฟรีเทรดโซน หรือ เขตปลอดภาษีอากร เบอร์ 1 ของตลาด”

นอกจากปล่อยเช่าโรงงานและคลังสินค้า บริษัทฯ ต่อยอดธุรกิจมาสู่การทำ นิคมอุตสาหกรรม
โดยลงทุน 6,500 ล้านบาท เปิด “นิคมอุตฯ บางปะกง” ภายใต้ บริษัท บางปะกง อินดัสเทรียล เอสเตท จำกัด ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 500 ล้านบาท ซึ่งพรอสเพค ได้ร่วมทุน (JV) กับเครือบีทีเอสกรุ๊ปโฮลดิ้ง
ทั้งนี้ นิคมอุตฯ บางปะกง มีพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ ตั้งอยู่ ต.คลองตำหรุ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำรายงาน EIA คาดเปิดดำเนินการปี 2570
“ตั้งเป้าขายที่ดินนิคมฯ ในปีแรก ประมาณ 680 ไร่ โดยจะขายราคา 12-13 ล้านบาท/ไร่ ซึ่งจะเริ่มนำมาบุ๊กกิ้งรายได้ในปีหน้า”