ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจขนส่งไทย ยังเผชิญความท้าทายต่อเนื่อง และการแข่งขันสูงในบางตลาด อาทิ ตลาดอีคอมเมิร์ซ ที่แต่ละเจ้าใช้กลยุทธ์สงครามราคา เพื่อช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์
แม้การขนส่งสินค้าให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ จะได้วอลลุ่มขนส่งสินค้าจำนวนมหาศาล และดันการเติบโตรายได้เพิ่มขึ้น 20% ในปีที่ผ่านมา
แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมาก หากพึ่งพาน่านน้ำรายได้จากอีคอมเมิร์ซเพียงอย่างเดียว เพราะมีการแข่งขันสูง ขณะที่ปัจจุบันแพลตฟอร์มฯ มีอำนาจในการควบคุมและเลือกบริษัทขนส่งที่มีราคาคุ้มค่ามากที่สุด

ดังนั้น ปี 2568 ไปรษณีย์ไทย บาลานซ์ความเสี่ยงหันเน้น การขนส่งสินค้าและดูแลสินค้าเฉพาะเจาะจง (Special life logistics) อาทิ ทุเรียน ปลากัด ยารักษาโรคของคน และล่าสุดกับขนส่งยาสำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่มีคู่แข่งในตลาดทำ
“ปีที่ผ่านมากลุ่ม Special life logistics สร้างการเติบโตถึง 10% แม้วอลลุ่มจะไม่เท่าตลาดอีคอมเมิร์ซก็ตาม แต่มีความเสี่ยงต่ำกว่ามาก”
สอดรับกับ เทรนด์เลี้ยงสัตว์เป็นลูก (Pet Parent) ในไทยที่กำลังเติบโต สะท้อนจากตลาดสัตว์เลี้ยงที่มีมูลค่าสูง 6.64 แสนล้านบาท โดยปี 2568 คาดเติบโตเพิ่มอีก 6% จากจำนวนสัตว์เลี้ยงในไทยที่มีอยู่ราว 5.38 ล้านตัว ซึ่งหมาและแมวได้รับความนิยมสูงสุด
“ที่ผ่านมา เรามีเครือข่าย 50,000 จุด และมีพี่ไปรฯ ถึง 25,000 คน ที่สนิทกับคนรวมถึงสัตว์เลี้ยงในแต่ละบ้าน อาทิ ก่อนหน้านี้มีเคสน้องหมาชื่อไข่เจียวที่หงอยเพราะคิดถึงพี่ไปรฯ จนกลายเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดีย แม้ตามสถิติ 90% ของพี่ไปรฯ จะเคยโดนน้องหมาน้องแมวสวบก็ตาม”
เบื้องต้น ได้นำร่องโครงการ “พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์จุฬาส่งรัก” โดยไปรษณีย์ไทยจะรับหน้าที่ส่งยารักษาสัตว์เลี้ยงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย กับคณะสัตวแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลสัตว์กรุงเทพก่อน โดยใช้วิธีขนส่งที่เหมาะสมเพื่อรักษาประสิทธิภาพยา อาทิ ยาบางตัวขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ เป็นต้น ในราคาเริ่มต้น 120 บาท/ครั้ง
โดยเน้นลูกค้า 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสัตว์เลี้ยงที่มีอาการโรคคงที่ แต่ยังต้องมารับยาเป็นประจำที่ รพส. อาทิ โรคไขข้อ และกลุ่มสัตว์เลี้ยงที่เข้ารักษาและปรึกษาสัตวแพทย์ทางออนไลน์ (Televet) พร้อมให้พี่ไปรฯ ส่งยาสัตว์เลี้ยงตามบ้านได้
“ตลาดสัตว์เลี้ยงโอกาสเยอะมาก รพส. ทั่วประเทศมีมากกว่า 3,000 แห่ง และยังขยายไปกลุ่มอื่น ๆ ได้ อาทิ กลุ่มอาหารสัตว์ เมื่อเราส่งยาให้สัตว์เลี้ยง จะยิ่งหนุนดาต้าข้อมูลสัตว์เลี้ยงของเราให้แข็งแกร่งขึ้น”
ขณะเดียวกัน ปี 2568 ไปรษณีย์ไทยยังเตรียมลงทุน 1,000 ล้านบาท ทำระบบอัตโนมัติในศูนย์กระจายและคัดแยกสินค้า จ.ราชบุรี เพื่อนำสินค้าที่ปลายทางต่างจังหวัดมาไว้ที่จุดนี้ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านเข้าคลังที่ กทม.
ทั้งนี้ การทำระบบอัตโนมัติจะช่วยเรื่องการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านแรงงานและ Outsource ลงไปได้ เพราะต้นทุนทรัพยากรมนุษย์เราต่างจากเอกชน โดยปีก่อนมีการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการ ส่งผลให้กระทบค่าใช้จ่ายบริษัทให้เพิ่มขึ้นพอสมควร
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนเจาะกลุ่มลูกค้า รีเทลเลอร์ (retailer) หรือค้าปลีกที่ออกมาทำแพลตฟอร์มขายสินค้าของตนเอง โดยไม่พึ่งพิงช่องทางมาร์เก็ตเพลสของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยลูกค้ารีเทลเลอร์มักเซ็นสัญญาระยะยาว 1 ปี
สำหรับไปรษณีย์ไทย ไตรมาส 1 ปี 2568 ที่ผ่านมา ทำรายได้รวม 5,945 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.83% และมีกำไรสุทธิ 534 ล้านบาท โตขึ้น 227% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)