“EMS ไปรษณีย์ไทย” ย้ำภาพพี่ใหญ่วงการโลจิสติกส์ เน้นความสำคัญของ “พัสดุใจ” มากกว่าพัสดุคือใจที่ให้กัน


ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ หนึ่งในธุรกิจดาวรุ่งคงหนีไม่พ้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่มีการเติบโตแบบคู่ขนานมากับธุรกิจโลจิสติกส์ เพราะเป็นจักรวาลที่เกื้อกูลกันในการขายและส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภค โดยเฉพาะหลังการเกิด COVID-19 ที่มีช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ยิ่งทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์เฟื้องฟูกันเลยทีเดียว


“ไปรษณีย์ไทย” มาตรฐานที่อยู่คู่คนไทย

เราจึงได้เห็นบรรดาผู้เล่นตลาดโลจิสติกส์มากหน้าหลายตา ทั้งแบรนด์ไทย และต่างชาติ ล้วนเป็นผู้เล่นยักษ์ใหญ่ทั้งสิ้น  ซึ่งเป็นสมรภูมิที่ไม่มีใครยอมใคร งัดกลยุทธ์หมัดเด็ดต่างๆ ทั้งหั่นราคา ทำโปรโมชั่นหวังช่วงชิงเม็ดเงินจากผู้บริโภค

สำหรับคนไทยแล้วจะคุ้นเคยกับ “ไปรษณีย์ไทย” เป็นพี่ใหญ่อยู่คู่วงการมาอย่างยาวนาน ด้วยประสบการณ์มืออาชีพที่สั่งสมกว่า 141 ปี ทำให้ไปรษณีย์ไทยยังครองใจคนไทยได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ ด้วยจุดแข็งหลักอย่างคีย์แมนคนสำคัญ “พี่ไปรฯ” หรือบุรุษไปรษณีย์ ทำได้มากกว่าการส่งอย่างเดียว แต่พี่ไปรฯ มีสกิลในการรู้ทุกตอกซอกซอยของเมืองไทยลงระดับตำบล และหมู่บ้าน เรียกได้ว่าถ้าเขียนที่อยู่ผิด พี่ไปรฯ ยังไปส่งให้ถูกได้ ถือเป็นจุดแข็งที่แบรนด์อื่นยากที่จะลอกเลียนแบบได้

ด้วยสภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ไปรษณีย์ไทยก็ได้ปรับตัวบริการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคงความเป็นเจ้าตลาด เน้นการพัฒนาบริการ EMS ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น  และรองรับการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซที่มีการขายสินค้าที่หลากหลาย ด้วยการออกแบบระบบขนส่งให้สอดคล้องกับพัสดุ (Parcel Defined Logistics)

บริการส่งด่วน EMS ตอบโจทย์การส่งสินค้าเกือบทุกประเภทตั้งแต่ของชิ้นเล็กที่ส่ง EMS แบบปกติได้ ส่วนของใหญ่ ของน้ำหนักเยอะ ส่งผ่านบริการ EMS Jumbo ส่งด่วนของใหญ่ ของหนัก หรือจะเป็นของสด ผลไม้ ก็ส่งผ่าน EMS ส่งด่วนผลไม้ได้ ใครที่ต้องการส่งสิ่งของที่ต้องเดินทางไกลไปยังต่างประเทศก็มี EMS World ส่งด่วนทั่วโลก หรือแม้แต่ส่งต้นไม้ สิ่งมีชีวิต เช่น ปลากัด ก็สามารถส่งผ่าน EMS ได้เช่นกัน


ผู้บริโภควางใจ ดัน EMS โตพุ่ง

ในปี 2567 ที่ผ่านมาไปรษณีย์ไทยได้เผยยอดการเติบโตของบริการส่งด่วน EMS มีปริมาณงานเติบโตถึง 6.99% คิดเป็นสัดส่วน 42.76% ของรายได้ไปรษณีย์ไทยทั้งหมด รวมถึงเป็นกลุ่มบริการที่ผู้ใช้บริการให้ความเชื่อมั่นสูงสุด กลุ่มสินค้าที่ใช้บริการส่งEMS สูงสุด คือ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร ชิ้นส่วน ยานยนต์ อุปกรณ์แม่เละเด็ก เฟอร์นิเจอร์ เอกสาร หนังสือ และสินค้าเบ็ดเตล็ดทั่วไป

สอดรับกับการคาดการณ์เศรษฐกิจดิจิทัลไทยในปี 2568 ที่จะพุ่งทะยานมากกว่า 46,000ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีอีคอมเมิร์ซเป็นตัวแปรสำคัญซึ่งคาดว่าจะโตถึง 19% มีมูลค่า 26,000ล้านดอลลาร์สหรัฐ เชื่อมั่นว่าจะทำให้ดีมานด์การส่ง EMS ในประเทศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เรียกว่าไปรษณีย์ไทยเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ และสังคมเช่นกัน

ซึ่งบริการส่งด่วน EMS ได้รับความไว้วางใจจากทั้งกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป และผู้ประกอบการรายใหญ่ และ SME ซึ่งไปรษณีย์ไทยได้วางกลยุทธ์ในการสร้างจุดเด่น และความเชื่อมั่นให้กับตลาด ได้แก่

  • ความคุ้มค่า: โดย EMS จะคิดค่าส่งจริงตามน้ำหนัก ราคาที่เท่ากันทุกพื้นที่ อีกทั้งยังมีราคาพิเศษสำหรับภาคธุรกิจ
  • และกลุ่มค้าขายสินค้าออนไลน์ที่มีการส่งเป็นจำนวนมาก ทำให้ช่วยควบคุมด้านต้นทุนการขนส่งได้
  • ความรวดเร็วในการขนส่ง: การันตีระยะเวลาการขนส่งเพียง 1 – 2 วัน เพื่อช่วยให้สินค้าทุกประเภท ถึงทุกปลายทางในระยะเวลาที่รวดเร็ว โดยมีมาตรฐานการขนส่งแบบเดียวกันทั่วประเทศ พร้อมด้วยการควบคุมระยะเวลาในการจัดส่ง Service Level Agreement ที่สามารถระบุเวลาการส่งที่ชัดเจนซึ่งผู้ส่งและผู้รับสามารถรู้ระยะเวลาได้ตั้งแต่พัสดุเข้าสู่ระบบ
  • การรองรับสิ่งของฝากส่ง: ครอบคลุมกับทุกความต้องการ การปรับแต่งระบบขนส่งให้สอดคล้องกับพัสดุ Parcel Defined Logistics ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต เช่น ปลาสวยงาม ของชิ้นใหญ่ไซส์จัมโบ้ ที่มีพิกัดน้ำหนักมากถึง 200 กิโลกรัม เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า รถจักรยานยนต์ ต้นไม้ สินค้าที่มีมูลค่าสูง ยาและเวชภัณฑ์ งานศิลปหัตถกรรมไทย ผลไม้และพืชผลทางการเกษตรตามฤดูกาล เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ทุกความต้องการได้รับความสะดวก และสร้างจุดได้เปรียบด้านการส่งที่มีความรวดเร็วให้กับหลากหลายธุรกิจ
  • ฟังก์ชันที่พร้อมดูแลทุกการส่งด่วน: ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสถานะได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทีมแคร์ที่ช่วยดูแลบริการหลังการขาย ซึ่งมีอยู่ในทุกจังหวัด การใช้สายด่วนเบอร์พี่ไปรฯ 1505 เพื่อแจ้งให้ผู้รับได้ทราบเวลาที่จะไปนำจ่ายสิ่งของ มีระบบที่ช่วยสนับสนุนร้านค้า เช่น การช่วยจัดทำจ่าหน้า การเตรียมข้อมูลฝากส่ง คลังสำหรับจัดเก็บสินค้า บริการนัดหมายเรียกรถเข้ารับพัสดุฟรี รวมถึงรองรับการเก็บเงินปลายทาง (COD)
  • เครือข่ายทั่วไทย: ปัจจุบันไปรษณีย์ไทยมีเครือข่ายเพื่อรองรับความต้องการส่งด่วนกว่า 50,000 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ทำการไปรษณีย์ ร้านไปรษณีย์ไทย ไปรษณีย์ไทย @ธงฟ้า ร้านสะดวกซื้อต่างๆ รวมถึง EMS Point ที่เปิดโอกาสให้ร้านค้าและผู้ที่มีพื้นที่ว่าง สามารถเปิดจุดรับฝากสิ่งของและนำส่งกับไปรษณีย์ไทย นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายด้านการส่งที่มีศักยภาพสูงไม่ว่าจะเป็นบุรุษไปรษณีย์ กว่า 25,000 คน ที่เชี่ยวชาญทุกเส้นทาง รวมถึงศูนย์ไปรษณีย์ทั่วประเทศ 20 แห่ง ที่มีกระบวนการคัดแยกที่ทันสมัย รองรับพัสดุได้ต่อวันรวมกว่า 6 ล้านชิ้น

“พัสดุใจ” มากกว่าพัสดุ คือใจที่ให้กัน

แคมเปญ “พัสดุใจ” เป็นสื่อที่จะสื่อสารไปยังผู้บริโภคถึงการพัฒนาบริการให้ยิ่งกว่าการส่งพัสดุธรรมดาทั่วไป แต่เป็นการส่งใจ หรือความรู้สึกดีๆ ให้กันระหว่างผู้ส่ง และผู้รับ ซึ่งไปรษณีย์ไทยโดยพี่ไปรฯ หรือพนักงานที่เคาน์เตอร์บริการ พวกเขาทุกคนทำหน้าที่ด้วยความใส่ใจเป็นตัวกลางในการนำส่งอย่างทะนุถนอม เพื่อให้ความรู้สึกดีๆ นั้นส่งถึงผู้รับอย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะอยู่ใกล้ไกลกันแค่ไหนก็ไปถึงได้ และให้น้ำหนักความสำคัญในเรื่องของ “คุณภาพ” และ “ความไว้วางใจ” ในบริการ เพราะ Pain Point ที่หลายคนเจอในตลาดก็คือ การส่งช้า หรือพัสดุเสียหาย สูญหายระหว่างทาง

แต่ไปรษณีย์ไทยมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในการใช้บริการ EMS ว่าจะได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่าแบรนด์อื่นๆ อย่างแน่นอน

สัมผัสประสบการณ์คุณภาพได้ที่ไปรษณีย์ไทยทุกสาขา กับบริการ EMS ส่งด่วนทั่วไทย พร้อมฟีเจอร์สุดสะดวกทั้งเก็บเงินปลายทาง (COD) ชำระเงินสด หรือสแกนจ่าย QR Code ได้ทุกธนาคาร และบริการ EMS World ส่งด่วนทั่วโลก 95 ประเทศ ครอบคลุม 106 ปลายทางทั่วโลก โดยทั้งบริการ EMS และ EMS World สามารถเรียกพี่ไปรฯ เข้ารับฝากถึงที่ (Pick Up Service) ได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม พร้อมเช็กสถานะได้ทุกขั้นตอน ตลอด 24 ชั่วโมง ทางไลน์ออฟฟิเชียล @Thailandpost