ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีข่าวใหญ่ในวงการเทคโนโลยี เมื่อ Meta พร้อมทุ่มเงินถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลงทุนใน Scale AI สตาร์ทอัพด้าน AI ระดับยูนิคอร์น อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังจริง ๆ ไม่ใช่แค่การลงทุน แต่เป็นเพราะ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ต้องการจะได้ตัว อเล็กซานเดอร์ หวัง (Alexandr Wang) ซีอีโอ Scale AI มาทำงานด้วย ดังนั้น Positioning จะพาไปทำความรู้จักกับซีอีโอสตาร์ทอัพแสนล้านทั้งที่อายุยังไม่ถึง 30 ปี!
เด็กเนิร์ดจากบ้านนักฟิสิกส์
Alexandr Wang เกิดในปี 1997 ที่เมือง Los Alamos รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา โดยพ่อ-แม่ของเขาเป็นนักฟิสิกส์ชาวจีนที่อพยพเข้ามาทำงานให้กับ Los Alamos National Laboratory ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญในการพัฒนาโครงการแมนฮัตตัน (Manhattan Project) ที่สร้างระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
จากการเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการตั้งคำถามทางวิทยาศาสตร์ และการคิดเชิงตรรกะ ทำให้เขามีความสนใจในคณิตศาสตร์และการเขียนโปรแกรมตั้งแต่ยังเด็ก และเริ่มเรียนรู้การเขียนโค้ดผ่านอินเทอร์เน็ต จากนั้นเขาก็เริ่มแข่งขันโอลิมปิกฟิสิกส์ และการแข่งเขียนโค้ดหลายครั้ง โดยมีแรงบัลดาลใจคือ ได้ไปท่องเที่ยวดูโลกกว้าง
“ตอนเด็ก ๆ ผมไม่ได้เดินทางไปไหนมาไหนมากนัก และนั่นเป็นแรงผลักดันที่ทําให้ผมตื่นเต้นกับการแข่งขันคณิตศาสตร์จริง ๆ เพราะถ้าคุณทําได้ดีพอ … คุณจะบินออกไปและไปเที่ยวฟรี ๆ อย่างตอนที่อยู่เกรดหก ผมได้ไปที่ดิสนีย์เวิลด์ ซึ่งผมไม่เคยไปมาก่อน” หวัง เล่า
โดดเด่นจนบริษัทใน Silicon Valley เห็นแวว
หลังจากเข้าร่วมการแข่งขันการเขียนโค้ดออนไลน์หลายครั้ง ในปี 2014 เขาก็ได้รับคัดเลือกโดย Addepar บริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่กำลังร้อนแรงที่สุดใน Silicon Valley ในตอนนั้น ให้เขาเข้าไปทำงานในตำแหน่งวิศวกรซอฟต์แวร์ หลังจากนั้นไม่นานก็เติบโตเป็นตําแหน่ง Tech Lead ที่ Quora แม้ว่าเขาจะมี อายุเพียง 17 ปี และไม่มีปริญญา
โดยหลังจบมัธยมปลาย เขาได้เข้าเรียนที่ Massachusetts Institute of Technology (MIT) ในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์ แต่หลังจากเรียนไปได้ 1 ปี ในปี 2016 เขาก็ได้ข้อเสนอจากบริษัทมากมายที่ต้องการได้ตัวไปร่วมงานด้วย แต่เขาก็ปฎิเสธทุกข้อเสนอ อีกทั้งยังตัดสินใจลาออกจาก MIT ขณะนั้นเขามีอายุเพียง 19 ปี
จากปัญหาเล็ก ๆ สู่ความสำเร็จยิ่งใหญ่
ที่เขาตัดสินใจลาออกเพราะต้องการไปปลุกปั้น Scale AI หลังจากที่เขามั่นใจแล้วว่า ข้อมูล คือ อุปสรรคใหญ่สุดของการพัฒนา AI เนื่องจากเขาเริ่มเห็นปัญหาเล็ก ๆ ในการพัฒนา AI ของตัวเอง บวกกับเริ่มสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมวงการหลายคนยังพัฒนา AI ไม่ได้ เพราะมีแต่ข้อมูลดิบ จนเกิดเป็นปัญหา คอขวด ของข้อมูลในการพัฒนา AI
เนื่องจากโมเดล AI ต้องการข้อมูลปริมาณมหาศาล และต้องมีคุณภาพสูงในการฝึกฝน แต่การเตรียมข้อมูลเหล่านี้ (เช่น การติดฉลากรูปภาพ, ข้อความ, เสียง, วิดีโอ) เป็นงานที่ซับซ้อนและต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก ทำให้เขาเลยมีแนวคิดที่จะ จัดระเบียบข้อมูล เพื่อให้เป็นข้อมูลดีไว้ใช้พัฒนา AI
จากนั้นเขาก็ได้ไปชวน ลูซี่ เกา (Lucy Guo) เพื่อนร่วมงานจาก Quora วัย 21 ปี ที่ลาออกจาก Carnegie Mellon มาร่วมงานกัน จากนั้น ทั้งคู่สมัครเข้า Y Combinator ที่เคยปั้น Airbnb และ Stripe โดยเขาได้เงินทุนเริ่มต้นมา 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากก่อตั้งบริษัทได้ 3 เดือน
แม้แต่กองทัพสหรัฐฯ ก็ใช้บริการ
แน่นอนว่าทุกการเริ่มต้นต้องเจออุปสรรค โดยในช่วงแรก ๆ ในการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับ Data labeling หรือการจัดระเบียบข้อมูลสำหรับฝึกโมเดล AI เขาและทีมงานไม่ได้รู้ชัดเจนว่าควรจะมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลประเภทใด เพราะมีมหาศาลมาก พวกเขาจึงลองทำหลายตัวเลือก บางอย่างประสบความสำเร็จ บางอย่างก็ล้มเหลว โดยลูกค้ารายแรกของ Scale AI คือ ช่วยฝึก AI สำหรับรถยนต์ไร้คนขับ
ซึ่งทางบริษัทต้องใช้มนุษย์มาช่วยติดป้ายข้อมูลบนภาพถ่ายจากกล้องหน้ารถนับล้านภาพ ก่อนจะนำข้อมูลเหล่านั้นไปฝึก AI ให้รู้ว่าแต่ละภาพประกอบด้วยอะไรบ้าง ควรหยุดตรงไหน จากนั้น บริษัทก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนมีลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม การแพทย์ อสังหาริมทรัพย์ แม้แต่ กองทัพสหรัฐฯ ก็ใช้บริการ ทำให้ Scale AI เป็นบริษัท AI แห่งแรกที่นำ LLM (Large Language Model) ของตนเองชื่อ Donovan ไปใช้งานบนเครือข่ายความลับ (classified network) ของกองทัพ
หลังจากประสบความสำเร็จกับบริการ Data labeling บริษัทก็ได้ขยายบริการไปสู่โครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล AI เต็มรูปแบบ เช่น การประเมินโมเดล (model evaluation), การสร้างข้อมูล (data generation) และการรับรองความปลอดภัยของ AI (safety and alignment)
ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลก
ตลอดระยะทาง 9 ปี Scale AI ได้ระดมทุนรวมแล้วประมาณ 1.59 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.82 แสนล้านบาท) โดยปัจจุบัน Scale AI มีมูลค่าบริษัทประมาณ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.44 แสนล้านบาท)
โดยในปี 2021 Alexandr Wang ขึ้นแท่นเป็น มหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดด้วยวัย 24 ปี โดย Forbes ประเมินมูลค่าทรัพย์สินของเขาในปี 2025 อยู่ที่ประมาณ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 แสนล้านบาท)
และในปี 2025 มีการคาดว่า Scale AI จะจะมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวอยู่ที่ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.5 หมื่นล้านบาท) จากปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ประมาณ 870 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.8 หมื่นล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม การที่เขาตัดสินใจลาออกจาก MIT เขาเคยเล่าว่านี่ไม่ใช่การ เดิมพัน แต่ Alexandr Wang มองว่า หากคุณไม่พร้อมที่จะเสี่ยงตอนนี้ แล้วจะเสี่ยงเมื่อไหร่ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างสิ่งที่มีความหมายอาจจะเป็นการ เริ่มต้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ในตอนแรกเขาไม่ได้มีภาพในหัวเลยว่า บริษัทจะเป็นอย่างไรในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่สิ่งที่เขามีในตอนนั้นคือ ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและความตั้งใจที่จะลอง แม้ว่ามันอาจไม่สำเร็จอย่างที่คิดก็ตาม