ฐิติกรเจ้าตลาดธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย รุกคืบบุกตลาดภาคใต้ ประเดิมแห่งแรกที่สุราษฎร์ธานี พร้อมเปิดอีก 4-5 สาขาในปี 47 ลั่นประสบความสำเร็จงดงามเพียงเดือนเดียวทำสัญญาเช่าซื้อไปแล้ว 200 คันจากที่ตั้งเป้าไว้ 50 คัน ชี้แนวโน้มอนาคตธุรกิจสดใสเพราะคนหันมาใช้รถจักรยานยนต์ราคาสูงมากขึ้น อีกทั้งจะมีรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้ตลาดมีการตื่นตัวมากกว่าปี 46 ที่แข่งขันผลิตแต่รถราคาถูกอย่างเดียว
นายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) (TK) ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยเปิดเผยว่าเพื่อให้การบริการของบริษัทครอบคลุมพื้นที่ให้บริการมากขึ้น บริษัทได้ทำการขยายตลาดการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในภาคใต้ โดยได้ทำการเปิดสาขาแรกที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อในเขตภาคใต้ตอนบน ซึ่งจากการเปิดสาขาไปเมื่อเร็วๆนี้ปรากฏว่าบริษัทสามารถทำสัญญาเช่าซื้อได้มากกว่า 200 คันซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เพียง 50 คันต่อเดือน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจภาคใต้มีการขยายตัวสูง สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลในเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะราคายางพาราที่สูงเป็นประวัติการณ์
“ในปี 2547 ผมเชื่อมั่นว่าภาคอื่นๆจะมีกำลังซื้อที่มากขึ้น เนื่องจากปัจจัยหลักเข้ามาสนับสนุน ได้แก่ การเติบโตของ GDP ในระดับ 8% อีกทั้งการที่พืชผลทางการเกษตรปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกับยางพารา ไม่ว่าจะเป็น ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย และผลไม้ต่างๆ กับนโยบาย 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (OTOP) ล้วนเป็นปัจจัยเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในส่วนภูมิภาคทั้งสิ้น” นายประพลกล่าว
นายประพลกล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับในส่วนของผู้ผลิตรถจักรยานยนต์นั้นคาดว่าในปี 2547 จะมีรถรุ่นใหม่ออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดมีการตื่นตัวมากกว่าปี 46 ซึ่งมีการแข่งขันผลิตรถราคาถูกแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งจากแนวโน้มดังกล่าวประกอบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องทำให้เชื่อว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคจะหันมาบริโภครถจักรยานยนต์ในระดับราคาที่สูงขึ้น และมีคุณภาพดีกว่าในปัจจุบัน ซึ่งตลาดกรุงเทพ ฯ และปริมณฑลเป็นตลาดใหญ่ที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วจึงทำให้เชื่อว่าสินค้ารุ่นใหม่ๆจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างมากแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาบริษัทยังครองความเป็นอันดับหนึ่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงถึง 36%
“ผลการดำเนินงานของบริษัทในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมานั้นเป็นที่น่าพอใจมาก โดยบริษัทมีรายได้ 1,047.42 ล้านบาท โดยเฉพาะไตรมาส 3 มีรายได้รวม 344.30 ล้านบาท และมีผลกำไรสุทธิในไตรมาสสามจำนวน 100.40 ล้านบาท ซึ่งขยายตัวจากงวดเดียวกันของปี 2545 ถึง 43% และมีกำไรในงวด 9 เดือนสะสมที่ 287.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากปีที่แล้ว อันเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดการให้สินเชื่อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นโดยมีลูกหนี้เช่าซื้อสุทธิ 3,826.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2545 ” นายประพลกล่าว
อนึ่ง บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เน้นการดำเนินธุรกิจให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล โดยปัจจุบันบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ในสองบริษัทลูกได้แก่ ซี.วี.เอ. ซึ่งดำเนินธุรกิจให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในเขตภาคกลางและภาคตะวันออก และชยภาคซึ่งดำเนินธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล
ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 30 ปี และมีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจและเจ้าหน้าที่สินเชื่อกระจายกว่า 350 แห่งทั่วประเทศ ทำให้บริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑลสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี โดยปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด 37% และสำหรับธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์นั้นบริษัทเน้นการให้บริการรถยนต์มือสองเกือบทั้งหมดซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ทั้งนี้จากการดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และรถยนต์มาเป็นเวลานานทำให้กลุ่มบริษัทมีระบบฐานข้อมูลลูกค้าเช่าซื้อเป็นของตัวเอง โดย ณ 30 กันยายน 2546 กลุ่มบริษัทมีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อทั้งหมดประมาณ 6,000 ล้านบาท มีลูกค้ากว่า 100,000 ราย และมีฐานข้อมูลประวัติลูกค้ากว่า 500,000 ราย