‘ร้านหนังสือ’ (ยัง)ไม่ตาย แต่ต้องปรับตัวขนานใหญ่ หาทางโตของตัวเองให้เจอ

ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ‘ร้านหนังสือ’ ต้องเผชิญความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะการถูก Digital Disruption ส่งผลให้ผู้อ่านเปลี่ยนพฤติกรรมมาอ่านอีบุ๊กส์และออนไลน์ที่เข้าถึงได้ง่ายและมีหลากหลาย จนกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจหนังสือและร้านหนังสือจาก ‘ดาวรุ่ง’ เป็น ‘ดาวร่วง’ แถมยังต้องเจอกับภาวะเศรษฐกิจ

 

แล้ววันนี้ลมหายใจของธุรกิจร้านหนังสือเป็นอย่างไร? 

 

‘รุ่งกาล ไพสิฐพานิชตระกูล’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านหนังสือซีเอ็ด (SE-ED) ยืนยันว่า แม้ช่วงสิบปีที่ผ่านมาธุรกิจร้านหนังสือจะได้รับผลกระทบเต็ม ๆ จากการชะลอตัวของธุรกิจหนังสือที่ต้องเจอหลายปัจจัยมากระทบ แต่ธุรกิจนี้ยังไม่ตายและไปต่อได้

 

“เราโดนดิสรัปต์จากเทคโนโลยี บวกกับหนังสือไม่ใช่ปัจจัย 4 ของการดำรงชีวิต เมื่อมีปัญหาทางเศรษฐกิจคนจึงลดการจับจ่ายในส่วนนี้ลง แต่ร้านหนังสือไม่ตายและไปได้ เพราะคนไทยยังอ่านหนังสืออยู่ และสถิติการอ่านมีสัญญาณดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างตอนนี้อยู่ที่วันละ 100 นาที ผสมกันทั้งหนังสือเล่มกับออนไลน์ และมีความต้องการเปลี่ยนไปมาก ซึ่งตรงนี้เป็น Challenge ให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวกันขนานใหญ่เหมือนกัน”

 

เพิ่มความคล่องตัวให้แกร่งขึ้น 

 

การปรับตัวที่ว่า จะเห็นธุรกิจร้านหนังสือในบ้านเรามีการขยับและปรับตัวกันค่อนข้างมาก แตกต่างกันไปตามกลยุทธ์และจุดยืนของแต่ละราย แต่หลัก ๆ สังเกตได้ว่า  

1.ร้านหนังสือมีการลดสเกลของธุรกิจ ทั้งการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรหรือมีรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ควบคู่ไปกับการดาวน์ไซด์ขนาดร้าน จากเดิมเน้น ‘พื้นที่ใหญ่ระดับ 200 ตร.ม. ขึ้นไป’ มาเป็นร้านที่มี ‘พื้นที่เล็ก’ เหลือประมาณ 50 ตร.ม. เปิดในรูปแบบของ Pop-up Store หรือบูธ เพื่อลดต้นทุนในการบริหารจัดการ 

2.ปรับโมเดลธุรกิจ ด้วยการนำจุดแข็งของตัวเอง มาผสมสานกับการจับเทรนด์ผู้บริโภค เพื่อสร้างการเติบโตของตัวเอง เช่น บางรายเพิ่มสัดส่วนของสินค้า accessories และไอทีเพิ่มขึ้น ลดพื้นที่ของสินค้าหนังสือลดลง เนื่องจากต้องการขยับให้ร้านมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น ฯลฯ

3.เพิ่มความหลากหลายของสินค้าภายในร้าน เช่น กลุ่ม accessories, สินค้า In Trend ฯลฯ เพื่อดึงดูดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ตลอดจนต้องการสินค้านอกเหนือจากหนังสือ

สำหรับร้านซีเอ็ดเอง ก่อนช่วงโควิด 19 ระบาด มีสาขาประมาณ 400 แห่ง เมื่อเกิดโควิดได้ลดจำนวนสาขาลง 10% ด้วยการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร โดยปัจจุบันร้านซีเอ็ดมีสาขาอยู่ 190 สาขากระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ

 

ขณะเดียวกันได้ลดขนาดของร้าน จากร้านขายหนังสือขนาดใหญ่ มีพื้นที่ 300 ตร.ม. มาอยู่ในรูปแบบ Pop-up Store มีพื้นที่ตั้งแต่ 50 – 200 ตร.ม. ซึ่งเป็นรูปแบบที่ซีเอ็ดจะนำไปขยายให้มากขึ้นในอนาคต อย่างภายในปีนี้จะมีสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา ส่วนใหญ่ก็อยู่ในรูปแบบ Pop-up Store เป็นหลัก

 

“การดาวน์ไซส์ ทำให้เราแข็งแรงขึ้น บริหารจัดการต้นทุนและมีความคล่องตัวดีขึ้น หากเราไม่ทำ คงผ่านความท้าทายที่เกิดขึ้นมาไม่ได้”

 

ไม่ใช่ทำอะไรมาก็ขายได้เหมือนเดิม

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยยุคนี้ เป็นยุคที่ไม่ใช่ทำอะไรออกมาแล้วจะขายได้เหมือนในอดีต โดยรุ่งกาลบอกว่า หนังสือที่จะประสบความสำเร็จ ‘ต้องดูเทรนด์ผู้บริโภค’ และ ‘หนังสือต้องดีพอ’ เนื่องจากการตัดสินใจซื้อหนังสือสักเล่มของผู้บริโภคในปัจจุบันจะดู Reference มากขึ้น อาทิ ชื่อเสียงของผู้เขียน สำนวนการเขียนต้องดี และเป็นเรื่องที่พวกเขาให้ความสนใจ ฯลฯ

 

ประเด็นเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง เพื่อนำมาเป็นโจทย์ของการปรับตัวให้ทันกับตลาดและตอบความต้องการของคนอ่านในแต่ละกลุ่มได้ตรงจุด

 

“ถามว่า หนังสืออะไรมาแรงตอนนี้ หลัก ๆ จะเป็นหนังสือมังงะ และกลุ่ม Fiction งานเขียนประเภทเรื่องแต่ง เช่น นิยาย เรื่องสั้น นิทาน วรรณกรรม อะไรประมาณนี้ ซีเอ็ดเองก็ปรับตัวนำหนังสือพวกนี้เข้ามาในร้านมากขึ้น ซึ่งนอกจากทำให้เราเติบโต ยังปรับลุคให้แบรนด์ดูเข้ายุคสมัย จากเดิมภาพเราจะเป็นร้านหนังสือที่เน้นสาระ หรือร้านหนังสือเด็กเนิร์ด เน้นคู่มือสอบและตำราเรียนมากกว่า

 

“ส่วนคนดังที่มาเขียนให้เราก็มีมากมายและหลากหลาย เช่น ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร – นักลงทุนแนว VI อันดับหนึ่งของเมืองไทย, ณภัทร รอดเหตุภัย หรืออาจารย์ขลุ่ย ติวเตอร์สอนวิชา TGAT 2,3 / TPAT 1 พาร์ตเชื่อมโยงและเชาวน์ไทย / A-Level ภาษาไทย, นายแพทย์วีระพันธ์ สุวรรณนามัย หรือ หมอหมี – สว.กลุ่มด้านสาธารณสุข แพทย์สาขาประสาทศัลยศาสตร์ เจ้าของช่องยูทูป Dr. V Channel เป็นต้น”

 

ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจของซีเอ็ดแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 ผลิตหนังสือหรือสำนักพิมพ์

กลุ่มที่ 2 SE-ED Academy เป็นกลุ่มผลิตหนังสือและสื่อการเรียนการสอนทั้งเล่มและดิจิทัล

กลุ่มที่ 3 ขายและจัดจำหน่าย ผ่านการขายตรงกับโรงเรียน และขายส่งผ่านร้านหนังสือ

กลุ่มที่ 4  ร้านหนังสือ คือ ซีเอ็ด บุ๊คเซ็นเตอร์

กลุ่มที่ 5 Digital Business เป็นกลุ่มที่ผสานกับทุกหน่วยธุรกิจในการพัฒนาโปรดักท์ดิจิทัล รวมถึงเป็นช่องทางในการขายผ่านดิจิทัลต่าง ๆ และการพัฒนาแพลตฟอร์ม

 

“ปีนี้เราตั้งเป้าเติบโต 3-5% ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีความท้าทายสำคัญ นั่นคือ สถานการณ์เศรษฐกิจที่ซบเซากระทบต่อกำลังซื้อ แต่ด้วยการเติบโตของยอดขายของหนังสือหลายกลุ่ม บวกกับการปรับตัวตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่า ซีเอ็ดจะเติบโตได้”

 

ส่องชีพจรธุรกิจหนังสือ

 

สำหรับมูลค่าธุรกิจหนังสือ หากดูข้อมูลจาก ‘สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย’ (PUBAT) จะพบว่า เมื่อสิบปีก่อนมีมูลค่าอยู่ประมาณ 28,000 -29,000 ล้านบาท ก่อนในปี 2557 Digital Disruption ได้เริ่มเข้ามากระทบต่อธุรกิจนี้อย่างชัดเจน ทำให้ช่วงปี 2557- 2562 ธุรกิจหนังสือมีมูลค่าลดลงเหลือ 16,000-17,000 ล้านบาท

 

และได้รับผลกระทบอีกระลอกในปี 2563-2565 ที่เกิดการระบาดของโควิด 19 จนตลาดหนังสือหดตัวลงมีมูลค่าเหลือราว 10,000 ล้านบาท กระทั่งตลาดกลับมากระเตื้องอีกครั้งในปี 2566 มีการเติบโตขึ้นมา 10%  

 

ช่วงต้นปี 2567 ด้วยแรงส่งจากปีที่ผ่านมามีการประเมินภาพรวมของธุรกิจหนังสือจะโตต่อเนื่อง แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว สุดท้ายทำให้รกิจหนังสือลดลง 8-9% ส่วนปี 2568 เริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้น คาดว่า จะโตประมาณ 3.5%

 

ขณะที่เซกเม้นท์ของตลาดหนังสือที่มีการเติบโตน่าสนใจ ได้แก่ ‘กลุ่มสาระของวัยเรียน’, ‘หนังสือเสริมสร้างพัฒนาการสำหรับเด็ก’ ซึ่งมีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักทุกปี รวมถึงกลุ่ม Fiction ที่ช่วง 2-3  ปีที่ผ่านมามีการเติบโตชัดเจน สะท้อนได้จากยอดขายในงานสัปดาห์หนังสือที่กลุ่มนี้สร้างฐานรายได้ให้มากกว่า 50%

 

ส่วนกลุ่มหนังสือที่มีการหดตัวลง ก็คือ ‘กลุ่มสาระ-พัฒนาตัวเอง และการเงิน’ สำหรับคนวัยทำงาน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อลดลง