จีน กว้านซื้อ อาคารเก่าในญี่ปุ่นแทนไทย ทำ “บ้านพักนักท่องเที่ยว” ดันราคาที่ดินโตเกียวพุ่ง 29%

ไม่ใช่แค่ “อสังหาริมทรัพย์ไทย” ที่ถูกคนจีนกว้านซื้อ เพราะล่าสุด “ญี่ปุ่น” กำลังเผชิญเหตุการณ์เดียวกันที่เคยเกิดกับไทยหนัก ๆ ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 (ปี 2561 – 2562)

โดยพบว่า อาคารเก่า ตามถนนคามินาริมง ในอาซากุสะ โตเกียว มีนักลงทุนจีน แห่กว้านซื้ออาคารเก่า ลงทุนทำ มินปากุ (Minpaku) หรือ บ้านพักนักท่องเที่ยว จำนวนมาก

อ้างอิง ข้อมูลกรมสรรพากรญี่ปุ่น ระบุว่า ราคาที่ดินทำเลอาซากุสะ โตเกียว เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และขยายตัว 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้

“ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเงินทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากนักลงทุนจีน ที่มาทำมินปากุ ผลักดันราคาที่ดินให้สูงขึ้นขนาดนี้”

ภาพโดย Jason Goh จาก Pixabay

นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นรายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า มีนักลงทุนจีนรายหนึ่งกำลังมองหาที่พักทำมินปากุในอาซากุสะ โดยบอกว่า “เงินที่นำมาญี่ปุ่น ทิ้งไปก็ไม่เป็นไร”

จากนั้นได้ซื้อตึกเก่าอายุ 40 ปี ใกล้คามินาริมงในราคา 500 ล้านเยน (ประมาณ 100 กว่าล้านบาท) แบบจ่ายเงินสดเป็นก้อนเดียวอีกด้วย

อย่างไรก็ดี บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่น เริ่มเห็นเทรนด์การซื้ออาคารเก่าทำเป็นมินปากุ ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว (ช่วงสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย) โดยนักลงทุนจีนแทบไม่สนใจราคาตลาด หากทำสำเร็จถือว่าเป็นกำไร

ปัจจุบันมีมินปากุทั่วญี่ปุ่นประมาณ 32,000 แห่ง และมากกว่า 1 ใน 3 อยู่ในโตเกียว โดยเฉพาะเขตไทโตะ (ที่อาซากุสะตั้งอยู่) มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 80% จากก่อนโควิด-19

ทั้งนี้ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2568 มีผู้เข้าพักมินปากุกว่า 4.6 แสนคน โดยสัดส่วนกว่า 50% เป็นชาวต่างชาติ โดย ชาวจีน มาเป็นอันดับ 1 (16%) ตามด้วยเกาหลี (14%) และสหรัฐอเมริกา (12%)

อย่างไรก็ตาม การเกิดมินปากุจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อคนท้องถิ่น ยกตัวอย่าง พนักงานบริษัทหญิงวัย 45 ปี ที่อาศัยอยู่แถวอาซากุสะ ค่าเช่าบ้านของเธอเพิ่งปรับขึ้น 4,000 เยนเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ตั้งแต่ที่เธอพักอาศัยมา

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่อง การทิ้งขยะและเสียงดังในเวลากลางคืน จากผู้เข้าพักมินปากุ ที่ชาวบ้านร้องเรียนไปยังสำนักงานสาธารณสุขเขตไทโตะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยอมรับว่ายิ่งมีมินปากุเยอะ ปัญหาเหล่านี้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

ภาพโดย Christozavic จาก Pixabay

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า เงินเยนที่อ่อนค่าและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำในญี่ปุ่น ทำให้เงินทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาได้ง่าย คาดว่าแนวโน้มแบบนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอีกสักพัก

ขณะที่ยอดการท่องเที่ยวญี่ปุ่นเฟื่องฟู เป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนการลงทุนทำมินปากุ โดยข้อมูลช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) ปี 2568 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าญี่ปุ่นรวม 14.4 ล้านคน

โดย Top 5 ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปญี่ปุ่นสูงสุด ได้แก่ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และไทย

สำหรับ “ไทย” เคยเป็นสถานที่อันดับต้น ๆ ที่คนจีนซื้ออสังหาเพื่อการลงทุนสูงสุด จากท่องเที่ยวไทยที่เฟื่องฟูในยุคก่อนเกิดโควิด (ปี 2561-2562) แต่หลังจากช่วงโควิดเป็นต้นมา (ปี 2563-2568) ยอดซื้อของนักลงทุนจีนก็ไม่กลับไปสู่จุดสูงสุดอีกแล้ว

สะท้อนจากหน่วยโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดของคนจีน จากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ดังนี้

  • ปี 2561 จำนวน 7,916 หน่วย
  • ปี 2562 จำนวน 7,626 หน่วย
  • ปี 2563 จำนวน 5,254 หน่วย
  • ปี 2564 จำนวน 4,867 หน่วย
  • ปี 2565 จำนวน 5,707 หน่วย
  • ปี 2566 จำนวน 6,614 หน่วย
  • ปี 2567 จำนวน 5,670 หน่วย
  • ไตรมาส 1 ปี 2568 จำนวน 1,481 หน่วย

โดยช่วงปี 2568 ที่ผ่านมา ยอดซื้อในไทยชะงักลงจากการท่องเที่ยวที่ซบเซา โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวจีน เซ่นพิษข่าวลักพาตัวดาราจีนซึ่งใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน กระทบต่อความเชื่อมั่น

รวมไปถึงเหตุการณ์ช็อกตลาดจากแผ่นดินไหวเมียนมา และมีตึกถล่มในไทย ตลอดจนการที่ภาครัฐบาลคุมเข้มจีนเทาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดซื้อคนจีนลดลงเช่นกัน