Gen Z 30% เข้าสู่วิถีทาสแมวหมา “Kaniva” บุกหนัก ตั้งวง BUS พรีเซ็นเตอร์ เจาะรุ่นใหม่ ตั้งเป้าโต 30%

ปัจจุบัน ตลาดสัตว์เลี้ยง (อ้างอิง Kaniva) มีมูลค่า 47,000 ล้านบาท เติบโตปีละ 7-10% จากเทรนด์คนไทยมีลูกน้อยลง และเข้าสู่สังคมสูงวัย ทำให้คนต้องการสิ่งเยียวยาจิตใจ นั่นคือ ‘สัตว์เลี้ยง’

ส่งผลให้ ผู้บริโภคไทย เปลี่ยนตัวเองเป็น พ่อหมาแม่แมว หรือ Pet Parent เลี้ยงสัตว์เป็นลูก/คนในครอบครัว มากขึ้น

สะท้อนจาก จำนวนสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของในไทย ในปี 2567 (อ้างอิงศูนย์วิจัยกสิกรไทย) มีอยู่ราว 5.38 ล้านตัว เพิ่มขึ้นราว 6% แบ่งเป็น my

  • หมา 3.45 ล้านตัว มีอัตราเติบโตปีละ 19%
  • แมว 1.94 ล้านตัว มีอัตราเติบโตปีละ 28%
ผู้บริหาร Kaniva
นิติพงศ์ เลาหวิศิษฏ์ และ จารุวัฒน์ เลาหวิศิษฏ์ กรรมการบริหาร บริษัท เพ็ท โพรเทคท์ ฟู้ด จำกัด และบริษัท เพ็ท โพรเทคท์ จำกัด เจ้าของอาหารสัตว์แบรนด์ Kaniva

“จารุวัฒน์ เลาหวิศิษฏ์“ กรรมการบริหาร บริษัท เพ็ท โพรเทคท์ ฟู้ด จำกัด เจ้าของหารแมวแบรนด์ Kaniva (คานิว่า) เปิดเผยว่า ตลาดอาหารสัตว์มีมูลค่าราว ๆ 10,000 ล้านบาท เติบโตจากจำนวนผู้เลี้ยงสัตว์เพิ่มมากขึ้น และ Pet Parent ใส่ใจสุขภาพหมาแมวมากขึ้น โดยเลือกอาหารสัตว์ที่มีคุณประโยชน์สูงขึ้น

โดย ”กลุ่มอาหารแมว“ มีแนวโน้มเติบโตมากกว่าอาหารหมา เนื่องจาก แมวเป็นสัตว์ที่ผู้เลี้ยงมักจะให้รับประทานอาหารเม็ด หรือ อาหารเปียก ไม่ค่อยได้กินอาหารคนเท่ากับกลุ่มน้องหมา

ทำให้กลุ่มผู้เลี้ยงแมวมีแนวโน้มซื้ออาหารสัตว์มากกว่า แต่มักซื้อในปริมาณไม่มาก เพราะ แมว มักมีนิสัยเลือกกิน และบางครั้งเบื่อง่าย จึงอาจต้องเปลี่ยนแบรนด์สลับกันไป ต่างจากน้องหมาที่มีลอยัลตี้ในแบรนด์สูง มักไม่ค่อยเปลี่ยนอาหารมากนัก

แมว kaniva อาหารแมว

อย่างไรก็ดี ความท้าทายในปี 2568 คือ กำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัวลง ทำให้กระทบตลาดอาหารสัตว์ โดย ผู้บริโภคบางส่วนหั่นค่าใช้จ่ายสัตว์เลี้ยงบางส่วน อาทิ Pet Parent กลุ่มน้องหมา จากซื้ออาหารหมา 1,000 บาทต่อเดือน ก็อาจจะลดเกรดอาหารเหลือ 800 บาท/เดือน คิดเป็นการลดลงราว 20%

ส่วน Pet Parent กลุ่มน้องแมว มีการลดลงเช่นกัน แต่น้อยกว่ากลุ่มน้องหมา ด้วยแมวมีอินไซต์ค่อนข้างเลือกกินอาหาร ทำให้ทาสแมวบางส่วนยอมอดข้าว หรือลดค่าใช้จ่ายในส่วนค่าอาหารตนเองมากกว่าลดค่าใช้จ่ายอาหารแมว

“เศรษฐกิจหลังไตรมาส 2-3 ปี 2568 เดาทางไม่ได้ ประชากรคนเลี้ยงเพิ่มจริง แต่คนเลี้ยงกลุ่มเดิม ลดค่าใช้จ่ายลง เช่น อาจเลือกอาหารสัตว์ที่มีโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 ทำให้จากที่คนกลุ่มนี้ต้องซื้ออาหารทุกเดือน ก็อาจจะซื้อเดือนเว้นเดือนแทน”

ต่างจากช่วงโควิดที่ตลาดสัตว์เลี้ยงเคยเติบโตถึง 15% และบางหมวดหมู่ อาทิ อุปกรณ์สัตว์เลี้ยงอย่าง เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ โต 20-30%

สำหรับ Kaniva ปี 2568 มีแผนทำการตลาดต่อเนื่อง โดยเฉพาะเจาะตลาด Gen Z และ Gen Alpha ผ่านการทำแคมเปญ Petstival ใจกลางสยาม ควบคู่กับการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ คือ ”ศิลปินวง BUS“ ทั้ง 12 คน และ ”เจษ – เจษฎ์พิพัฒน์ ติละพรพัฒน์” Friend of Kaniva เพื่อเชื่อมโยงแบรนด์กับผู้บริโภค New Gen

วง BUS โฆษณา Kaniva
ตัวอย่างแคมเปญโฆษณาของ Kaniva จากศิลปินวง BUS

“ผู้บริโภค Gen Z กว่า 1 ใน 3 หรือสัดส่วนมากกว่า 30% เป็นคนเลี้ยงสัตว์ ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับ Gen X และ Baby Boomer ด้วยจำนวนที่สูงขนาดนี้ ตลาดอาหารสัตว์จะไม่ใช่แค่ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) แต่จะเปรียบเสมือนสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) ทั่วไป”

ขณะที่ Gen Alpha แม้จะยังเด็ก และขณะนี้ยังไม่ใช่กลุ่มขับเคลื่อนตลาดหลัก แต่การสร้างความผูกพันกับแบรนด์ตั้งแต่ยังเด็ก จะช่วยให้ในอนาคตเมื่อพวกเขาเลี้ยงสัตว์ จะนึกถึงแบรนด์ Kaniva ก่อนแบรนด์อื่นนั่นเอง

ทั้งนี้ แคมเปญดังกล่าว จะช่วยวางรากฐานแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในใจ ผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z และ Alpha ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมบริโภคชัดเจนและพลังซื้อเติบโตต่อเนื่อง

โดยใช้การ สื่อสารผ่านศิลปินที่มีอิทธิพลสูงในโซเชียลมีเดีย พร้อมกับการใช้สื่อ Out of Home มากกว่า 100 จุดทั่วกรุงเทพฯไม่ว่าจะเป็น BTS, MRT, LED และ Billboard เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ (Top-of-Mind) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Kaniva
พร้อมกันนี้ ปี 2568 Kaniva มีวางแผนบุกตลาดต่างประเทศเพิ่มอีก 2 ประเทศ อาทิ จีน จากปัจจุบันมีสินค้าจำหน่ายอยู่ 18 ประเทศทั้งในอาเซียน และตะวันออกกลาง โดยในปี 2569 จะบุกประเทศโซนยุโรปเพิ่มเติม ซึ่งตั้งเป้าอีก 2 ปี พอร์ตฯ รายได้จากต่างประเทศขึ้นมามีสัดส่วน 20% จากเดิม 10%

“หลังจากปิดดีลประเทศใหม่ได้ เรามีแผนขยายคลังสินค้า (Warehouse) เพิ่มอีกมากกว่า 10,000 ตร.ม. รองรับการเติบโต จากปัจจุบันมีอยู่ 45,000 ตร.ม. และใกล้เต็ม capacity”

ตลอดจน ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ลงตลาดต่อเนื่อง อาทิ อาหารเปียกแมวซีรีส์ไข่ตุ๋น, วิตามินบอล และคอลลาเจนบอล รองรับความต้องการผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น จากปัจจุบัน Kaniva มีสินค้ากว่า 100 SKU และนับรวมบริษัทย่อยจะมี เฮ้าส์แบรนด์สินค้าอีก 10 แบรนด์ รวม 1,000 SKU

Kaniva
อาหารเปียกแมว Kaniva ซีรีส์ใหม่ อาทิ ไข่ตุ๋น, วิตามินบอล, คอลลาเจนบอล

จากผลของแคมเปญการตลาด การเปิดตัวสินค้าใหม่ และการเปิดตลาดต่างประเทศใหม่ ทำให้ปี 2568 Kaniva ประเมินว่า บริษัทฯ จะเติบโต 30% จากปีก่อน (YoY) ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,167 ล้านบาท

สำหรับ Kaniva เปิดแบรนด์มา 5 ปี มีผลประกอบการเติบโตทุกปี (อ้างอิงกรมการพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์) โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 292% ดังนี้

ปี 2563

  • รายได้ 4.90 ล้านบาท
  • ขาดทุนสุทธิ 7.71 แสนบาท

ปี 2564

  • รายได้ 150 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 12.2 ล้านบาท

ปี 2565

  • รายได้ 442 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 39.6 ล้านบาท

ปี 2566

  • รายได้ 909 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 92.4 ล้านบาท

ปี 2567

  • รายได้ 1,167 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 84 ล้านบาท