ตลาดอาหารสัตว์ ขยายตัวสูงจากเทรนด์คนเลี้ยงสัตว์เป็นลูก (Pet Parent) มากขึ้น ส่งผลให้มีแบรนด์ใหม่ลงสู่สนามต่อเนื่อง ทำให้การแข่งขันในตลาดดุเดือด (Red Ocean)
ขณะที่ “Kaniva” แม้เป็นน้องใหม่ อายุเพียง 5 ปี แต่รายได้กลับโตเร็วเฉลี่ย 292% ต่อปี!
- ปี 2563 รายได้ 4.9 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 7.71 แสนบาท
- ปี 2567 รายได้ 1,167 ล้านบาท กำไรสุทธิ 84 ล้านบาท
จาก Pet Shop ของทาสแมวนักศึกษาปี 2 สู่ Kaniva แบรนด์อาหารสัตว์พันล้าน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2557 “จารุวัฒน์ เลาหวิศิษฏ์“ เป็นนักศึกษาปี 2 และเริ่มเข้าสู่วิถีทาสแมว โดยเลี้ยงแมวตัวแรกชื่อ “น้องเบค่อน”
ตอนนั้นเขาไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์นัก จึงไปร้าน Pet Shop แถวบ้าน ปรึกษาผู้ขายเกี่ยวกับอาหารแมวที่เหมาะสมกับลูกแมว แต่ได้คำตอบว่า ‘ให้เลือกซื้อแบรนด์ที่แพงที่สุด‘
ทำให้จารุวัฒน์ว่าอาหารแมวที่ดี มีแต่ราคาสูงหรือ และเริ่มมีแนวคิดอยากให้คำปรึกษา Pet Parent มือใหม่ เกี่ยวกับอาหารสัตว์อย่างละเอียด ผู้เลี้ยงคนอื่นจะได้ไม่เจอปัญหาอย่างเขา

จารุวัฒน์ และ นิติพงศ์ เลาหวิศิษฏ์ (พี่ชาย) จึงใช้เงินลงทุนราว 2 ล้านบาท เปิดร้าน Pet Shop ชื่อ “เคเพ็ท” ขึ้นมา และในช่วง 6 ปีที่ทำได้ขยายสาขารวม 5 แห่ง
ถึงจุดหนึ่งทั้งคู่อยากขยับไปสู่ การทำสิ่งที่ใหญ่ขึ้น ในปี 2563 จึงเริ่มก่อตั้งบริษัท เพ็ท โพรเทคท์ ฟู้ด จำกัด ใช้เงินทุน 1 ล้านบาท ทำแบรนด์ Kaniva (คานิว่า) เริ่มจากการทำอาหารแมว ก่อนในอีก 3 ปี จึงขยายไปสู่อาหารหมา และได้ขายกิจการ Pet Shop ออกไป เพื่อโฟกัสธุรกิจอาหารสัตว์อย่างเดียว
อาวุธลับ รู้อินไซต์แมว-อาหารแมวคุณภาพดีในราคาเข้าถึงได้
หมัดเด็ดของ Kaniva คือ การทำอาหารแมวคุณภาพดี ในราคาย่อมเยาลงมา อาทิ อาหารแมวแบบเม็ด ขนาดเริ่มต้น 400 กรัม ราคาไม่ถึง 100 บาท
รวมถึงพัฒนาสินค้าตามอินไซต์จาก Pet Parent เช่น
- อาหารแมวแบบเม็ด สูตร Grain-Free ไม่ใช้ธัญพืชอย่างข้าวโพด ข้าว เนื่องจากพบว่า มีกลุ่มแมวแพ้ธัญพืช ทำให้หาอาหารสัตว์ได้ยากและมีราคาสูง
- อาหารแมวแบบเปียกใส่วิตามินบอล และคอลลาเจนบอล สำหรับ Pet Parent ที่ต้องการบำรุงร่างกาย/ขนน้องแมวโดยเฉพาะ
- อาหารแมวแบบเปียกซีรีส์ไข่ตุ๋น สำหรับให้แมวได้กินอาหารแบบที่เรากิน แต่ยังคงรักษาสุขภาพ

รวมไปถึงแผนการตลาดผ่าน Music Marketing เพลงคานิว่าอาหารแมว ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จุดพลุ ทำให้คนคุ้นหูแบรนด์ Kaniva แต่อาจจะไม่รู้หน้าตาแบรนด์มากนัก
ปี 2568 Kaniva ยังคงเน้นแผนการตลาดต่อเนื่อง โดยทำแคมเปญใหญ่ และตั้งพรีเซ็นเตอร์เป็นศิลปินวง BUS ทั้ง 12 คน เจาะกลุ่ม Gen Z ต่อเนื่อง ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 30% เป็นกลุ่มมีสัตว์เลี้ยง
จากการการดำเนินงานทั้งหมดนี้ ทำให้ Kaniva เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่โตเร็ว ภายใน 5 ปี มีรายได้แตะหลักพันล้านบาท
ปี 2563
- รายได้ 4.90 ล้านบาท
- ขาดทุนสุทธิ 7.71 แสนบาท
ปี 2564
- รายได้ 150 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ 12.2 ล้านบาท
ปี 2565
- รายได้ 442 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ 39.6 ล้านบาท
ปี 2566
- รายได้ 909 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ 92.4 ล้านบาท
ปี 2567
- รายได้ 1,167 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ 84 ล้านบาท
โตเกินฝัน จากนี้เตรียมบุกต่างประเทศต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ก้าวต่อไปของ Kaniva คือ การพาแบรนด์อาหารสัตว์สัญชาติไทยบุกโกลบอล จากปี 2565 คานิว่าเริ่มต้นจากขนของแบ็กแพ็กออกบูธในต่างประเทศ นำร่องอินโดนีเซีย ก่อนขยายสู่ประเทศในอาเซียน และตะวันออกกลาง
จนปัจจุบันส่งสินค้าขายครอบคลุม 18 ประเทศทั่วโลก ในปีนี้จ่อขยายเพิ่มอีก 2 ประเทศ อาทิ จีน จะช่วยหนุนยอดขายให้เติบโต
“ตอนนี้เราโตเกินฝันที่ตั้งไว้ตอนต้น จากนี้ต่อไปมันคือกำไรแล้ว ส่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโตราว 30% และในอนาคตเราอยากให้แบรนด์ Kaniva เป็น Top of mind เบอร์ต้น ๆ ของกลุ่ม Pet Parent”





