ร้านอาหาร ปี 68 อยู่ยากมากขึ้น เมื่อ ‘ไวรัล’ อาจสำคัญกว่า ‘รสชาติ’ คนเลือกร้านอาหารตั้งแต่ไถฟีดมือถือ

ร้านอาหาร สตรีทฟู้ด

ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในไทย ปี 2568 คาดมีมูลค่า 669,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจซบเซา ต้นทุนวัถุดิบและค่าแรงสูงขึ้น

ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวหดตัวลง อาทิ พื้นที่ตรงวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร นักท่องเที่ยวต่างชาติหายเป็นพันคน

ทำให้กล่าวได้ว่าตอนนี้ธุรกิจร้านอาหารเข้าสู่ ทำงานครึ่งปีช่วงไฮซีซั่น (พ.ย. – เม.ย.) เพื่อเลี้ยงตัวอีกครึ่งปีที่เหลือ (พ.ค. – ต.ค.) ที่เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น

“ปี 2568 ตั้งแต่หลังสงกรานต์ตลาดร้านอาหารเริ่มเงียบ บางคนมองการเข้าสู่ภาวะต้นกบ แต่เราถือเป็นเรื่องปกติของโลว์ซีซั่น”

ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย

อย่างไรก็ตาม ร้านอาหาร ปี 2568 ภาพรวมดูแย่กว่าช่วงโควิด เพราะขณะนั้นรัฐบาลและสถาบันการเงินมี นโยบายชะลอการจ่ายหนี้ หรือกระทั่งลดดอกเบี้ย คนอยู่บ้านจำนวนมาก ทำให้กินมากขึ้น ธุรกิจอาหารได้อานิสงส์ จากช่องทางเดลิเวอรี

ส่งผลให้ร้านอาหารในไทย จากก่อนโควิดมีอยู่ 3-4 แสนร้านค้า ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 8 แสนร้านค้า ซึ่งที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากร้านอาหารในอากาศ (กลุ่มไม่มีหน้าร้าน อาทิ ทำอาหารในคอนโด/บ้าน ขายผ่านช่องทางออนไลน์/เดลิเวอรี) ทำให้การแข่งขันดุเดือดขึ้น เพราะการทำร้านอาหารให้รอด ใน 1 วันต้องรับมากกว่า 200 ออเดอร์

ร้านอาหาร สตรีทฟู้ด เยาวราช กรุงเทพ
ร้านอาหารย่านเยาวราช

อย่างไรก็ดี ฐนิวรรณ มองว่า ปัจจุบันร้านอาหารต่อสู้ด้วยความอร่อยอาจไม่พอ แต่ต้องเอาความอร่อยใส่ในมือถือ เช่น โปรโมตร้านผ่าน TikTok เป็นต้น เพราะคนยุคนี้ เลือกร้านอาหารตั้งแต่ไถฟีดมือถือแล้ว

หรือกระทั่ง ชาวต่างชาติก็หาร้านอาหารที่น่าสนใจตั้งแต่ก่อนบินมาเที่ยวไทยเสียอีก หรือกล่าวได้ว่า “ทุกคนมีจุดหมายอยากไปกินร้านไหนตั้งแต่ก่อนออกจากที่พักแล้ว”

นอกจากพื้นฐานความอร่อยของอาหารแล้ว ร้านที่สร้างตัวตนบนออนไลน์ได้น่าสนใจ ก็จะทำให้มีลูกค้าเข้ามาทานเยอะขึ้นได้ และยังสร้างมูลค่าให้อาหารได้อีกด้วย เช่น ร้านหมึกมันไก่ ขายเซตละ 890 บาท ก็ขายดี และมีลูกค้ารับประทานจำนวนมาก เป็นต้น