ใครว่าถึงวัยเกษียณต้องแก่แล้วแก่เลย? หรือใครว่า แซนด์วิชเจเนอเรชั่น อย่าง Gen X จะคิดถึงตัวเองไม่ได้? ในยุคที่แต่ละเจนต้องเผชิญแรงกดดันในหลายด้าน ทำให้หลายเจนมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป โดย กล้า มากขึ้น ทั้งการแสดงตัวตน และการใช้ชีวิต
สปา-ฮาคูโฮโด ครีเอทีฟ เอเจนซี่ โดยหน่วยงาน Human Lab ได้เปิดตัวผลงานวิจัยล่าสุด Daring Palette ที่แสดงถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนแต่ละ Generation โดยพบว่ามี 5 ปัจจัยหลัก ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ได้แก่
- ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ
- ความไม่แน่นอนของการเมือง
- ภัยพิบัติ
- โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้น
- เทคโนโลยี AI
โดย 5 ปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้เกิดความหวาดกลัวฝังในจิตใต้สำนึก แต่พฤติกรรมของคนแต่ละที่ไม่สามารถคอนโทรลได้ ทำให้เกิดความหวาดกลัว ฝังในจิตใต้สำนึก อย่าวงไรก็ตาม คนไทยแต่ละ Generation ไม่ได้หนีปัญหา แต่ที่แสดงออกคือ สู้ และเกิดความกล้า ซึ่งแต่ละเจนก็มีความกล้าที่เปลี่ยนแตกต่างกันไป ดังนี้

Gen B เริ่มแซ่บหลัง 60+
ภาพในอดีตของ Gen B หรือ Baby Boomer อายุ 60+ ปี คือ ต้องอยู่แต่บ้าน เข้าวัด ทำบุญ แต่ปัจจุบันไม่ใช่แบบนั้น เพราะ 50% ของคน Gen B มองว่า ชีวิตพึ่งเริ่มต้น และ 64% มองว่า ตนเองดูอ่อนกว่าวัยจริง
ดังนั้น Gen B ยังเริ่มหากิจกรรมที่มี Activity โดยไม่รอลูกหลานพาไป เพราะอยาก ใช้ชีวิตตามที่เคยฝัน ขอแค่ใช้เวลาทุกวันให้มีความสุข เติมเต็มตัวเอง และต้องการทิ้ง Legacy ให้ลูกหลาน ที่น่าสนใจคือ คน Gen B มีเงินเก็บเยอะ ทำให้รับความเสี่ยงต่าง ๆ ได้มาก จึง กล้าลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ ๆ เช่น คริปโต, อาร์ตทอย
นอกจากนี้ Gen B 75% กระตือรือร้นอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ ทำให้ 37% ใช้จ่ายในงานอดิเรก และ 24% ใช้จ่ายเพื่อ Up-skills เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม เรื่องสุขภาพยังเป็นสิ่งที่ Gen B ติดขัด ทำให้ 41% ลงทุนในเรื่องสุขภาพ แต่ 40% ยังไม่วางแผนเกษียณ
“ตอนนี้เราจะเห็น Gray Influencers เกิดในเยอะมาก เพราะคน Gen B ยังอยากใช้ช้ชีวิตตามฝันของตัวเอง และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ” จิรภัทร์ กาญจะโนสถ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สปา-ฮาคูโฮโด จำกัด กล่าว
แซนด์วิชเจน ขอทำเพื่อตัวเองบ้าง
Gen X หรือ Sandwich Generation วัยที่ถูกบีบอัดด้วยภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบจากทั้งสองด้าน ทั้งพ่อแม่และลูกของตนเอง แต่เมื่อก่อนจะทำอะไร คนเจนนี้ก็จะคิดถึง ครอบครัว ก่อนตัวเองเสมอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไป โดยปัจจุบัน
- 61.4% มองว่า ความสุขฉันก็สำคัญ
- 50.7% ไม่ชอบวางแผนระยะยาว ขอกลับไป เที่ยวกับเพื่อนหรือเที่ยวคนเดียว
- 60% เลิกใส่ใจคนรอบข้าง หันมาโฟกัสตัวเอง เริ่มพัฒนาตัวเอง ดูแลตัวเองมากขึ้น
- 71.6% พร้อมจ่ายเงินเพื่อดูแลความสวยความงาม
- 51% พึ่งแต่งงาน และพึ่งคิดจะมีลูกตอนอายุ 40+
“Gen X ในปัจจุบันใช้ชีวิตแบบ Now or Never ทำให้เขากล้าทะลุกรอบของการเป็นแซนด์วิชเจเนอเรชั่น พร้อมปลดล็อกร่างทอง ไม่ยอมแก่”
ความสุขของ Gen Y ไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นทุกโมเมนต์
สำหรับ Gen Y ถือเป็นอีกเจนที่มีความ เป็นตัวของตัวเอง มีความมั่นใจ ใช้ชีวิตแหกกรอบ และให้ความสำคัญกับ เดี๋ยวนี้ โดย
- 54.4% ตัดสินใจแบบฉับพลัน เชื่อสัญชาตญาณ อยากทำอะไรทำ ตามใจตัวเอง
- 37.9% มองว่าการมีหนี้ตอนวัยรุ่นเป็นเรื่องปกติ
- 66.9% ชอบสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
- 40.5% ของคนโสด เลี้ยงสัตว์แทนลูก
- 59.1% ของชายไทยมองเสื้อผ้า ความงาม ใช้ได้โดยไม่ต้องระบุเพศ
“Gen Y ตอนนี้เขาเปลี่ยนทุกกฎในการใช้ชีวิตโดยไม่สนกฎสังคมเดิม ๆ อย่างเรื่องความสัมพันธ์ก็ไม่จำกัดเพศหรือเจเนอเรชั่น ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน Free Relationship แม้เลิกกัน ก็ยังอยู่บ้านเดียวกันได้ เพราะเขามองว่าตอนนี้ความสุขไม่ใช่เป้าหมาย แต่สามารถสุขได้ในทุกโมเมนต์”
Gen Z เพราะความสำเร็จ ไม่ต้องรอ
สำหรับ Gen Z ที่กำลังเรียน หรือพึ่งเรียนจบ ตอนนี้การศึกษาก็สำคัญ แต่ หาเงินสำคัญกว่า ทำให้เขาไม่ได้สนใจจะเป็น พนักงาน แต่อยากเป็น เจ้าของธุรกิจ โดยคติการใช้ชีวิต Gen Z คือ ไม่ได้มาเพื่อเดินตาม แต่มาเพื่อเปลี่ยนแปลง และมองว่า ความสำเร็จรอไม่ได้ ยิ่งประสบความสำเร็จเร็วยิ่งดี โดย
- 70% ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ
- 71.6% ปฏิเสธทำงานกับองค์กรที่ขัดกับค่านิยมของตัวเอง
- 40% เด็กจบใหม่ลาออกภายใน 2 ปี เพราะไม่ได้ต้องการเติบโตในองค์กร แค่เรียนรู้แล้วออกไปทำธุรกิจของตัวเอง
- 70% มองหาโอกาสลงทุนที่คุ้มค่า
- 81% แสดงความกังวลต่อปัญหาสภาพภูมิอากาศ ให้ความสำคัญกับการดูแลโลก
“Gen Z ไม่ได้เห็นแต่ตัวเองไม่เห็นคนอื่น แต่เขาเห็นตัวเองกับโลกใบนี้ ดังนั้น เขาต้องการเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง เพราะมองว่า เขาเกิดมาในยุคที่โลกใกล้แตกสลาย ทำให้เขาต้องการสร้างความยั่งยืนเพื่อตัวเองและคนรุ่นต่อไป ปัญหาเดียวคือ ถูกมองว่าเป็นแค่เด็ก”

เปลี่ยนขนาดนี้ ธุรกิจไหนมีโอกาสบ้าง?
- Gen B – มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด ควรเน้นไปที่ ประสบการณ์ เป็นหลัก เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมความผาดโผน, งานอดิเรกที่เน้นประสบการณ์มากกว่าผลิตภัณฑ์, การออกกำลังกายที่ถูกออกแบบมาเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ต้องมีความสะดวกสบายอำนวยความสะดวกด้วย เพราะเขาพร้อมอัพเกรดให้พรีเมียมขึ้น แต่ต้องรู้สึกว่าคุ้มค่า
- Gen X – ต้องแบกรับ 2 โลก ดังนั้น ต้องเป็น Solution Provider เพื่อให้เขา ไม่รู้สึกผิดที่หันมาโฟกัสตัวเอง และทำให้เขา มีโอกาสได้มาโฟกัสตัวเองมากขึ้น เช่น บริการ Subscription ต่าง ๆ เพื่อให้เขาไม่ต้องวางแผนเอง ให้ชีวิตเขาง่ายขึ้น ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
- Gen Y – เอาความสุขตัวเองเป็นที่ตั้ง ดังนั้น ต้องทำการตลาดแบบ Personalized ให้เขารู้สึกดีตอนนี้ เดี๋ยวนี้ พร้อมกับกระตุ้นโดยการทำ FOMO marketing ให้เขาไม่รู้สึกตกกระแส เช่น สินค้าลิมิเต็ด เพื่อไม่ให้พลาด รวมถึงจับธุรกิจสัตว์เลี้ยง เพราะเขาเป็นโสดมากขึ้น และพร้อมเปย์สัตว์เลี้ยงเหมือนลูก
- Gen Z – ทำการตลาดแบบชนเผ่า เช่น เข้าถึงผ่าน Community หรือ Fandom Markrting เพื่อให้เขารับรู้ความเชื่อนั้นได้จริง ๆ
จะเห็นว่าเมื่อปัจจัยแวดล้อมเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเศรษฐกิจ เทรนด์ และเทคโนโลยี พฤติกรรมคนก็เปลี่ยนตามเช่นกัน ธุรกิจเองก็ต้องปรับตัวตามให้ทัน ว่าแต่ ใครอยู่เจนไหนกันบ้าง แล้วพฤติกรรมเหล่านี้ตรงกับตัวเองบ้างไหม มาแชร์กันได้น้าาาา






