ย่านพระรามสี่-สวนลุมพินี ของกรุงเทพฯ กำลังกลายเป็น สมรภูมิรีเทลที่ร้อนแรงที่สุด เมื่อ 2 โปรเจกต์ยักษ์ใหญ่เปิดตัวไล่เลี่ยกันในระยะไม่กี่ร้อยเมตร นั่นคือ
- Central Park ศูนย์การค้าใหม่ล่าสุดจาก CPN เปิดตัว 4 ก.ย. 68
- One Bangkok เมืองครบวงจรจากกลุ่มทีซีซี เปิดตัว 25 ต.ค. 67
โดยบิ๊กเนม 2 รายนี้ ต่างขนจุดแข็งที่ไม่ซ้ำกันลงสนาม แข่งกันชัด ๆ ระหว่าง “Community Hub ที่เข้าถึงง่าย” กับ “Luxury Magnet ระดับโลก”
Central Park หัวมุมพระรามสี่-สีลม เดินง่าย + ของกินเพียบ
เพิ่งเปิดม่านต้อนรับนักช้อป เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2568 สด ๆ ร้อน ๆ บนพื้นที่กว่า 130,000 ตร.ม. จัดเต็มร้านค้า 550 ร้าน แต่ทำเลย์เอาท์ให้เดินง่าย ไม่หลงทาง
ผังห้างชัดเจน เช่น
- ชั้น LG : Street Food + ร้านมิชลิน
- ชั้น 2 : แฟชั่นวัยรุ่น + ร้านอาร์ตทอย
- ชั้น 3 : แฟชั่นสปอร์ต + เอาต์ดอร์
- ชั้น 5 : อาหารพรีเมียม ร้านดัง และคอนเซ็ปต์ใหม่
CPN ตั้งใจวาง Central Park ให้เป็นมากกว่า “ห้าง” แต่คือ Hub ของชีวิตประจำวัน ที่ใช้พลัง “ของกิน” ทั้งร้านมิชลิน คาเฟ่ดัง และสตรีทฟู้ด ดึงทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มักมากินตามรอยร้านดัง รวมถึงดูดคนทำงานย่านสีลม เข้ามาใช้เวลาที่นี่ได้ทุกวัน
หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็น “ห้างที่ทุกคนเข้าถึงได้” ไม่ว่าจะสายช้อป สายกิน หรือสายแฮงก์เอาต์
ขณะที่ ของกินยังสร้าง Traffic ซ้ำ ได้ดีกว่าแฟชั่น เพราะคนกินวันละ 3 มื้อ และกินได้ทุกวัน ต่างเสื้อผ้าที่ไม่ได้ซื้อทุกวัน
One Bangkok ห้างหรูคอนเซ็ปต์ทำเมืองในเมือง
One Bangkok เปิดตัวก่อนหน้าเมื่อ 25 ต.ค. 67 ด้วยพื้นที่ศูนย์การค้าใหญ่กว่า 160,000 ตร.ม. ดีไซน์แบบ รีเทลลูป 3 อาคารเชื่อมถึงกัน เปรียบเสมือนการสร้างเมืองใหม่ ในใจกลางกรุงเทพฯ เพราะทุกอย่างมีครบทั้งของกิน แหล่งช้อป ที่ทำงาน และแฮงก์เอาต์
ความโดดเด่นหลัก คือ
- การมี Duty Free กลางเมืองครั้งแรก
- Mitsukoshi Depachika ซูเปอร์มาร์เก็ตพรีเมียมส่งตรงจากญี่ปุ่นครั้งแรกในไทย
- การโฟกัสลูกค้ากลุ่มบนและนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มตัว
และใน ปลายปี 2569 เตรียมเปิดศูนย์การค้าเฟส 2 คือ POST 1928 ที่เป็น Shopping Street แห่งแรกของกรุงเทพฯ รวมแบรนด์หรู Stand Alone ระดับโลก ตั้งแต่แฟชั่น ไฮจิวเวลรี่ ยันสตรีทแวร์พรีเมียม ยกระดับไทยสู่ Luxury Hub ในสายตาของชาวต่างชาติ
และด้วย One Bangkok เลือกเจาะกำลังซื้อระดับบน ทำให้เป็น Demand ที่ “พร้อมจ่าย” ไม่ใช่แค่เดินเล่นเท่านั้น
สรุปสั้น ๆ
Central Park = Mass & Food Power
ใช้ “ของกิน” เป็นแม่เหล็ก สร้าง Traffic และทำตัวเป็นศูนย์กลางชีวิตประจำวันของคนเมือง ได้กลุ่ม Mass + นักท่องเที่ยว + พนักงานออฟฟิศ
One Bangkok = Luxury & Global Magnet ใช้แบรนด์หรู + Duty Free สร้างภาพลักษณ์ระดับโลก เจาะลูกค้าต่างชาติ + กลุ่มกำลังซื้อสูงที่ต้องการประสบการณ์แบบ World-class
ศึกนี้ใครมีโอกาสชนะ?
Central Park ได้เปรียบตรงอาจสร้าง Traffic ได้สูงเพราะทุกคนต้องกิน และการเน้น Community ทำให้คนใช้ห้างเป็น Routine
One Bangkok ได้เปรียบตรง Ticket Size ค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงมาก และช่วยสร้างภาพลักษณ์ “กรุงเทพฯ เป็น Global Luxury Hub”
ดังนั้น สุดท้ายแล้ว ผู้ชนะอาจไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือ ย่านพระรามสี่ ที่จะถูกยกขึ้นเป็น Global Retail District ของกรุงเทพฯ





