นับเป็นการพลิกโฉมห้องโดยสารครั้งใหญ่ สำหรับ ‘สายการบินเอมิเรตส์’ กับการลงทุน 1.6 แสนล้านบาท ปรับเครื่องรุ่น A380 และ Boeing 777 รวม 219 ลำ ให้บริการห้องโดยสาร Premium Economy ในคอนเซ็ปต์ Value of Money เพื่อเพิ่มตัวเลือกการเดินทางที่หลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของผู้โดยสารได้มากขึ้น
การปรับโฉมครั้งนี้ การออกภายในจะเน้นให้มีพื้นที่ที่กว้าง สะดวกสบาย และหรูหรามากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวก และยกระดับประสบการณ์การเดินทางของผู้โดยสารให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการได้ตามต้องการ จากเดิมมีห้องโดยสารให้เลือก 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นหนึ่ง (First Class) ชั้นธุรกิจ (Business Class) และชั้นประหยัด (Economy Class)
โดย Premium Economy จะมีอัตราค่าโดยสารสูงกว่าชั้นประหยัดประมาณ 20-30% ขึ้นอยู่กับระยะทาง และความต้องการในแต่ละช่วงเวลา เช่น อยู่ในช่วงเทศกาลหรือไม่ ฯลฯ
‘โมฮัมเหม็ด อัล วาเฮดิ’ ผู้จัดการสายการบินเอมิเรตส์ ประจำประเทศไทย พม่าและลาว บอกว่า ปัจจุบันลูกค้าพยายามมองหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง แต่บางคนอาจมองว่า ชั้น Business อาจมีราคาแพงเกินไป ส่วน Economy ไม่ตอบโจทย์ความต้องการ ดังนั้น Premium Economy ซึ่งมาในคอนเซ็ปต์ Value of Money จะเข้ามาเป็นตัวเลือกระหว่างชั้น Business กับชั้น Economy
สำหรับเครื่อง A380 ห้องโดยสาร Premium Economy ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของเครื่องบินจัดวางในรูปแบบ 2-4-2 จำนวน 56 ที่นั่ง ถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างห้องโดยสารชั้นประหยัดและชั้นธุรกิจ โดยที่นั่งเป็นเก้าอี้หุ้มเบาะหนังสีครีมมีพื้นที่วางขากว้าง 40 นิ้ว ปรับเอนได้ 8 นิ้ว พนักพิงศีรษะสามารถปรับระดับได้ตามความต้องการ และแต่ละที่นั่งยังติดตั้งโต๊ะไม้แบบพับเก็บ
ส่วนระบบความบันเทิง จะติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น หน้าจอความละเอียดสูงขนาด 13.3 นิ้วที่รองรับการเชื่อมต่อหูฟังบลูทูธ และบริการ Wi-Fi ความเร็วสูงในเส้นทางที่กำหนด
ขณะที่ ‘อาหาร’ จะเป็นเมนูอาหารประจำภูมิภาคที่ผ่านการคัดสรร เสิร์ฟมาบนชุดภาชนะกระเบื้องจาก Royal Doulton มีรายการเครื่องดื่มที่หลากหลายมากขึ้น และไวน์วินเทจที่เสิร์ฟเช่นเดียวกับห้องโดยสารชั้นธุรกิจ
นอกจากนี้ผู้โดยสารที่จองตั๋วเครื่องบินในชั้น Premium Economy จะได้รับสิทธิพิเศษในการเช็คอินและลงจากเครื่องก่อน พร้อมสิทธิ์โหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่องสูงสุด 35 กิโลกรัม และสามารถนำสัมภาระขึ้นเครื่องเพิ่มเติมได้ 10 กิโลกรัม
การปรับปรุงตกแต่งภายในเครื่องบินของสายการบินเอมิเรตส์ครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งในการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมการบิน โดยใช้เงินลงทุน 1.6 แสนล้านบาท ครอบคลุมทั้งเครื่องบินรุ่น A380 และ Boeing 777 รวม 219 ลำ
ขณะที่ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว 72 ลำ ส่วนที่เหลือจะทยอยดำเนินการต่อไป และภายในสิ้นปีเอมิเรตส์มีแผนจะให้บริการที่นั่งชั้น Premium Economy อีกราว 2 ล้านที่นั่ง และจะเพิ่มเป็น 4 ล้านที่นั่งภายในปี 2569
สำหรับประเทศไทย โมฮัมเหม็ดบอกว่า เป็นจุดศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและการเดินทางกรุงเทพฯ รวมถึงเป็นหนึ่งในเครือข่ายเส้นทางภายใต้โครงการปรับปรุงตกแต่งภายในเครื่องบินของสายการบินเอมิเรตส์ โดยปัจจุบันเอมิเรตส์ให้บริการเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ และดูไบ วันละ 5 เที่ยวบิน ด้วยเครื่องบิน Airbus A380 จำนวน 4 เที่ยวบิน และให้บริการด้วยเครื่องบิน Boeing 777-300ER จำนวน 1 เที่ยวบิน
สายการบินยังให้บริการเที่ยวบินระหว่างภูเก็ตและดูไบ วันละ 2 เที่ยวบิน เที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ และฮ่องกง วันละ 1 เที่ยวบิน เที่ยวบินสู่ดานังผ่านกรุงเทพฯ สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน และ เที่ยวบินสู่เสียมราฐ (เสียมเรียบ) สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน รวมถึงมีเที่ยวบินที่เชื่อมต่อประเทศไทยกับกว่า 140 จุดหมายปลายทางใน 6 ทวีป
นอกจากขยายบริการห้องโดยสาร Premium Economy แล้ว ในปี 2567 สายการบินเอมิเรตส์ได้ลงนามข้อตกลงเชิงยุทธศาสตร์กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวขาเข้าผ่านแคมเปญการตลาดและการส่งเสริมการขายร่วมกัน
ในเดือนมกราคม 2568 สายการบินเอมิเรตส์ได้เปิดห้องพักรับรองพิเศษที่สนามบินที่ใหญ่ที่สุดนอกเมืองดูไบ ณ อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเดือนพฤษภาคม 2568 ได้เปิดตัว Emirates World Store อย่างเป็นทางการในกรุงเทพฯ ที่เกษร วิลเลจ เพื่อยกระดับประสบการณ์การค้าปลีกของลูกค้า






