ซีเกท เทคโนโลยี รายงานผลประกอบการไตรมาสสอง ปีงบประมาณ 2547 มีรายได้ 1.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจำหน่ายดิสก์ ไดร์ฟ ได้มากถึง 21.7 ล้านตัว

สก็อตส์ วัลเล่ย์, รัฐแคลิฟอร์เนีย – บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (NYSE: STX)
รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2547 มีรายได้ 1.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้สุทธิ 205 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้ต่อหุ้นๆละ 0.41 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้ทั้งสิ้น 1.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้สุทธิ 198 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้ต่อหุ้นๆละ 0.43 ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งสิ้นสุดลงในวันที่ 2 มกราคม 2547 บริษัทซีเกท มีรายได้ทั้งสิ้น 3.50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้สุทธิ 403 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้ต่อหุ้นๆละ 0.81 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับครึ่งปีหลังของปี 2545 ที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมปีเดียวกัน โดยมีรายได้ทั้งสิ้น 3.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้สุทธิ 308 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้ต่อหุ้นๆละ 0.67 ดอลลาร์สหรัฐ

นายสตีฟ ลุคโซ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี กล่าวว่า “ในไตรมาสเดือนธันวาคมที่ท้าทาย ซีเกทมีรายได้สุทธิในระดับที่สูงที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของบริษัท และจำหน่ายดิสก์ ไดร์ฟ ได้มากถึง 21.7 ล้านตัว ขณะที่รักษากำไรก่อนหักภาษี 26.2% ไว้ได้ โดยยอดขายของเราเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ และครองส่วนแบ่งในตลาดองค์กรธุรกิจได้ ส่วนในตลาดโน้ตบุ๊คดีกว่าตัวเลขประมาณการณ์มาก แต่ผลประกอบการทางการเงินของเราต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น เนื่องจากโครงการอุปกรณ์เก็บข้อมูล ส่วนบุคคลไม่เป็นไปตามคาด”

ตัวแปรที่กระทบกับผลประกอบการด้านการเงินของบริษัทในไตรมาสเดือนธันวาคม คือ

– การไม่สามารถผลิตอุปกรณ์เก็บข้อมูลส่วนบุคคล 1.4 ล้านตัว ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ ประกอบกับการแข่งขันด้านราคาในตลาดเก็บข้อมูล ส่วนบุคคลที่รุนแรง

– ปัญหาการไม่สามารถผลิตอุปกรณ์เก็บข้อมูล ส่วนบุคคลได้ตามเป้าหมายส่วนใหญ่ สำหรับลูกค้าโออีเอ็มของบริษัท และการตัดสินใจของซีเกทที่ไม่ขายสินค้าในราคาตลาดที่รับไม่ได้ และปัญหาด้านการดำเนินงาน โดยผลของการส่งสินค้าให้กับโออีเอ็มไม่เพียงพอผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายทั่วโลกในเดือนธันวาคม ทำให้อ่อนไหวในการกำหนดราคาตลาดได้

สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ดังกล่าวเลวร้ายขึ้น คือ

อุปกรณ์เก็บข้อมูลส่วนบุคคลมีมากเกินความต้องการของตลาด ซึ่งเป็นผลมาจากอุตสาหกรรมเพิ่มกำลังการผลิตอย่างเต็มที่ เพื่อตอบรับกับตัวเลขประเมินอัตราการเติบโตในตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูล ส่วนบุคคลทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 8-10% และไม่ได้เป็นไปตามคำทำนายของซีเกทเมื่อเดือนตุลาคม ที่ระบุว่า อัตราการขยายตัวของตลาดทั้งหมดมีเพียง 3% เท่านั้น ขณะเดียวกัน ซีเกท ซึ่งมีความเห็นสอดคล้องกับอุตสาหกรรม ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ยอดขายต่ำกว่าไตรมาสก่อนโดยเฉพาะในเดือนธันวาคมเป็นผลมาจากราคาที่เพิ่มขึ้น และผลของการเก็บสินค้าคงคลังที่สูงในช่วงท้ายของไตรมาส ซึ่งซีเกทได้คำนวณไว้มากกกว่า 6 สัปดาห์ จากโดยเฉลี่ย 13 สัปดาห์

อย่างไรก็ดี การสาธิตสินค้าอย่างสม่ำเสมอตลอดปี ทำให้ซีเกท สามารถลดผลกระทบทางการเงินที่เกิดจากการอ่อนตัวในบางตลาดได้ ด้วยยอดขายที่มั่นคงจากตลาดอื่น ในไตรมาสเดือนธันวาคม ซีเกทชดเชยตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูล ส่วนบุคคลที่มีการแข่งขันสูง ด้วยยอดขายจากผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรธุรกิจ และโน้ตบุ๊ค ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัท ช่วยให้ซีเกททำกำไรได้สูงสุด แม้ว่าการผลิตจะไม่พอกับการจำหน่าย และการแข่งขันด้านราคาในตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูล ส่วนบุคคลจะรุนแรงกว่าที่คาดไว้

“ทางบริษัทมุ่งมั่นจะบริหารจัดการธุรกิจ การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา แผนกปฏิบัติการของเรา ด้วยเป้าหมายสร้างกำไรให้มากที่สุด” นายลุคโซ กล่าวและว่า “เราเชื่อว่าหนึ่งในปัจจัยหลักกำหนดความสำเร็จในการดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่ว่านี้ คือ การรู้ความต้องการของตลาด และแนวโน้มในอนาคต การเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าแต่ละตลาดของบริษัทต้องการอะไร คือ กุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ถือหุ้นเข้าใจธุรกิจของเราได้ดีขึ้น”

ความต้องการของอุตสาหกรรมโดยรวม:

ซีเกท เชื่อว่า อุตสาหกรรมแห่งนี้ จะพบกับปัจจัยด้านบวกหลายตัว ซึ่งเกี่ยวข้องกับความต้องการทั้งหมด โดยประกอบไปด้วย
– การแพร่หลายของแอพพลิเคชั่นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งใช้ดิสก์ ไดรฟ์ ซีเกทประเมินว่า ยอดขายอุปกรณ์เก็บข้อมูล สำหรับแอพพลิเคชั่นอื่นๆที่ไม่ใช้เพื่อการเล่นเกม จะโตเกินกว่า 70% เมื่อเทียบกันปีต่อปี ในช่วงไตรมาสสอง ซีเกท ขายไดรฟ์ในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคได้มากกว่า 1 ล้านเครื่อง และจะขยายฐานลูกค้า และเพิ่มคุณสมบัติของสินค้าต่อไป

– วงจรการซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องลูกข่ายขององค์กรธุรกิจ และผู้ใช้ทั่วไปรอบใหม่ ซีเกท ประเมินว่า ยอดขายอุปกรณ์เก็บข้อมูล สำหรับพีซีตั้งโต๊ะ และโน้ตบุ๊คในไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ โดยยอดขายอุปกรณ์เก็บข้อมูล สำหรับเดสก์ทอป อยู่ที่ 15% และ กว่า 50% สำหรับโน้ตบุ๊ค ยอดขายอุปกรณ์เก็บข้อมูล สำหรับแอพพลิเคชั่นเครื่องลูกข่ายคอมพิวเตอร์ ของซีเกท ขยายตัว 30% เมื่อเทียบกันปีต่อปี บริษัทได้รับแรงกระตุ้นจากแนวโน้มที่ว่านี้ และความต่อเนื่อง ได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับการประเมินตลาดของซีเกท ทั้งเก็บข้อมูล ส่วนบุคคล และเก็บข้อมูล สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่

– การย้อนกลับไปสู่การเติบโตเมื่อคิดเป็นจำนวนเครื่องแบบเลข 2 ตัว ในตลาดเก็บข้อมูล สำหรับองค์กรธุรกิจเมื่อเทียบกันปีต่อปี ยอดขายครึ่งหลังของปี 2546 เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ลูกค้าโออีเอ็ม ยังสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจครั้งใหม่ของลูกค้ากลุ่มองค์กรธุรกิจที่ต้องการซื้อโครงสร้างพื้นฐานอุปกรณ์เก็บข้อมูล ที่สำคัญ

ผลิตภัณฑ์เก็บข้อมูลส่วนบุคคล :

ในไตรมาสล่าสุด อุปกรณ์เก็บข้อมูลส่วนบุคคล เป็นตลาดที่ใหญ่ และคึกคักมากที่สุด ซึ่งซีเกท เชื่อว่า เป็นเรื่องสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมในการแสดงแนวโน้มและความต้องการของตลาดที่ถูกต้องเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้ จากการลดลงตามช่วงเวลาที่คาดไว้ล่วงหน้า อัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องและเทียบกันปีต่อปี และข้อมูลตลาดในปัจจุบัน ทางบริษัท เชื่อว่า ตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดในไตรมาสสาม จะอยู่ที่ระดับ 47-48 ล้านตัว ซึ่งเป็นการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ประมาณ 11-13% และสอดคล้องกับอัตราการขยายตัวของไตรมาสเดือนกันยายน และความต้องการลดสินค้าคงคลังที่ตัวแทนจำหน่ายในช่วงสิ้นไตรมาสเดือนมีนาคม นอกจากนี้ ซีเกท ยังเชื่อว่า การเปิดตัวสินค้าใหม่ในอีก 2 ไตรมาสข้างหน้า จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้อย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้น ซีเกท คาดว่า ส่วนแบ่งของบริษัทในตลาดนี้ จะเท่ากับหลายไตรมาสก่อนหน้านี้ คือ 32-34% ทางบริษัท ทำนายด้วยว่า ตัวเร่งปฏิกิริยาส่วนแบ่งที่เป็นไปได้อย่างเดียว คือ ห่วงโซ่อุปทาน หรือประสบการณ์จัดจำหน่ายสินค้าที่เชื่อถือได้ในอุตสาหกรรม

อุปกรณ์เก็บข้อมูลสำหรับสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่:

ในไตรมาสเดือนธันวาคม ซีเกท ขายอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้มากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เมื่อ 6 เดือนก่อน คือ 10% ซีเกท ยังคงเน้นการขยายฐานลูกค้า ด้วยการปรับคุณสมบัติให้ตรงกับความต้องการของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คโออีเอ็มชั้นนำ 10 ราย ทางบริษัท เชื่อว่า คุณสมบัติเพิ่มเติมในอนาคตที่ตรงกับความคาดหวังของลูกค้าในเรื่องของความเชื่อถือได้ และประสบการณ์จัดจำหน่ายสินค้า จะขยายโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้น จากข้อมูลลูกค้าในปัจจุบัน และอัตราการเติบโตเมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเกินกว่า 50% ซีเกท ประเมินว่า ตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ทั้งหมด จะขายได้กว่า 16-17 ล้านตัวในไตรมาสเดือนมีนาคมนี้

อุปกรณ์เก็บข้อมูล สำหรับองค์กรธุรกิจ :

ยอดขาย 2.7 ล้านตัว ทำให้บริษัทเชื่อว่า ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทในตลาดนี้ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อนหน้านี้ จากข้อมูลลูกค้า รูปแบบความต้องการในอดีต และอัตราการเติบโตของตลาดในปัจจุบัน ซีเกท เชื่อว่า ตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูล สำหรับองค์กรธุรกิจในไตรมาสเดือนมีนาคม จะอยู่ที่ระดับประมาณ 5.5 ล้านตัว

ภาพรวมธุรกิจ

“การแก้ไขปัญหาการดำเนินงานในตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูล ส่วนบุคคลในไตรมาสสองของซีเกท ทางบริษัทได้ดำเนินการในหลายส่วน ทั้งโออีเอ็ม และพันธมิตรผู้จัดจำหน่าย ซึ่งเชื่อว่า จะมีอิทธิพลทางบวกกับผลประกอบการในไตรมาสสามของบริษัท” นายลุคโซ กล่าวและว่า “อย่างไรก็ดี จากระดับสินค้าคงคลังของตัวแทนจำหน่าย ความต้องการที่ลดลงตามช่วงเวลา และสิ่งแวดล้อมด้านราคาที่เกิดขึ้นเมื่อสิ้นไตรมาสเดือนธันวาคม ภาพรวมสำหรับไตรมาสเดือนมีนาคมที่ทางบริษัทแก้ไขใหม่ คือ รายได้ต่อหุ้นๆละ 0.20 – 0.30 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้รายได้ของซีเกทไม่เป็นไปตามตัวเลขประเมินที่แถลงไว้ก่อนหน้านี้ คือ รายได้หุ้นละ 1.55 หรือ 1.60 ดอลลาร์สหรัฐ ได้”

“จนกระทั่งเรามีข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมการผลิตของอุตสาหกรรมแห่งนี้มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดตัวเลขรายได้ที่เจาะจงในเวลานี้ เพราะการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่เกี่ยวข้องกับปริมาณ หรือราคาจะส่งผลกับการสร้างรายได้เป็นวงกว้าง ผลกระทบจากสภาพตลาดเหล่านี้ ทางบริษัทจะอัพเดทตัวเลขประเมินประจำไตรมาสในช่วงสัปดาห์วันที่ 1 มีนาคม เพื่อให้แนวทางผลประกอบการด้านการเงินที่คาดไว้”

รีวิวธุรกิจ

– ซีเกท มีรายได้สุทธิ 205 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รักษาความสามารถทำกำไรไว้ได้ เนื่องจากตลาดให้การยอมรับอุปกรณ์เก็บข้อมูล สำหรับโน้ตบุ๊คอย่างแน่นหนา แม้จะมีปัญหาด้านการปฏิบัติงาน การแข่งขันด้านราคาในตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูล ส่วนบุคคลก็ตาม

– กำไรก่อนหักภาษ๊ 26.2% เทียบกับ 26.9% ของไตรมาสก่อนหน้านี้ การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงในบางตลาด ถูกชดเชยด้วยยอดขายไดร์ฟในตลาดโน้ตบุ๊คที่เพิ่มขึ้น

– สินค้าคงคลังที่ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เก็บข้อมูล ส่วนบุคคลของซีเกท ณ สิ้นสุดไตรมาสเดือนธันวาคม คือ ใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 7.5 สัปดาห์ และขายจนหมดใช้เวลาเฉลี่ย 13 สัปดาห์
สินค้าคงคลังระดับนี้ สูงกว่าตัวเลขเฉลี่ยของทั้งอุตสาหกรรม ยกเว้น ซีเกท ซึ่งใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 6.5 สัปดาห์ อีกทั้งสูงกว่าระดับสินค้าคงคลังไตรมาสเดือนธันวาคมในอดีต และสูงกว่าเป้าหมายของบริษัท ซึ่งตั้งใจจะจัดการให้อุปกรณ์ของตัวเองส่งถึงตัวแทนจำหน่ายในระยะเป้าหมาย คือ 4-6 สัปดาห์

– ความล้มเหลวของรายได้ในไตรมาสเดือนธันวาคม คือ โออีเอ็ม 54% และตัวแทนจำหน่าย 46% รายได้แยกตามภูมิภาค คือ อเมริกาเหนือ 26% ยุโรป 33% และเอเชีย แปซิฟิก 41% โดยยุโรป เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้านี้ ขณะที่เอเชีย แปซิฟิก เป็นสถิติใหม่ ส่วนอเมริกาเหนือ รายได้ที่ลดลงสะท้อนลูกค้าย้ายฐานการผลิตไปนอกสหรัฐเพิ่มมากขึ้น รวมถึงแนวโน้มอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในภูมิภาคนอกสหรัฐ

– กระแสไหลเวียนเงินสดของฝ่ายปฏิบัติการ 94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 234 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสก่อนหน้านี้ โดยเป็นผลมาจากปริมาณที่เพิ่มขึ้นของจำนวนเครื่องที่ขายได้ในสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส ซึ่งสูงกว่ายอดขายที่ดีที่สุดในช่วงเวลาปกติ 47 วัน และทางซีเกท คาดว่า ในไตรมาสต่อไปของปีงบการเงินนี้ จะมียอดขายระดับเดียวกับในอดีต

– ณ วันที่ 2 มกราคม 2547 ทางบริษัทมีเงินสด ทั้งสิ้น 1.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

– สินค้าคงคลังในไตรมาสนี้ คือ 13.6 บัญชีงบดุลสินค้าคงคลังทั้งหมด ณ สิ้นไตรมาส คือ 383 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแยกเป็นวัตถุดิบ 88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การทำงานในกระบวนการ 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

– ซีเกทตั้งใจจะเพิ่มเงินปันผลประจำไตรมาสของบริษัทจาก 0.04 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อหุ้น เป็น 0.06 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อหุ้น ทางบริษัท วางแผนจะประกาศเงินปันผลอย่างเป็นทางการภายในสิ้นเดือนมกราคม 2547 นี้

– เงินลงทุนสำหรับไตรมาสเดือนธันวาคม คือ 134 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางบริษัทวางแผนจะลงทุนในปีงบการเงิน 2547 ต่อไป ที่ระดับ 650-700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมไปถึงการขยายโรงงานสื่อในสิงคโปร์ประมาณ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การเสื่อมราคา และการผ่อนชำระหนี้ในไตรมาสนี้ คือ 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

– ช่วงเวลาการปิด 180 วัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเสนอลำดับสองของบริษัท ที่มีผลเมื่อเดือนกรกฏาคมและสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2547 ปัจจุบัน นิว แซค ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องยอดขายใดๆในอนาคต

– กับความเอาใจใส่ต่อคำขอร้องเพื่อการสืบสวนของเอสอีซี (SEC) ทางบริษัท บ่งชี้ว่า เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทางบริษัทได้จัดหาข้อมูลทั้งหมดที่เอสอีซีต้องการ และไม่มีคำร้องขอรายละเอียดเพิ่มเติม

– ข้อมูลอื่นๆที่จัดหาให้เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาของอดีตพนักงาน ซึ่งได้อ้างว่า บริษัทไล่เขาออก เพราะละเมิดกฏหมายมินนิสโซต้า วิสเทลโบลเวอร์

การประชุม

ซีเกทเทคโนโลยีประชุมทางโทรศัพท์เพื่อทบทวนผลประกอบการไตรมาสสอง ประจำปีงบประมาณ 2547 เวลา 15.00 น. ตามเวลาโซนแปซิฟิก การถ่ายทอดการประชุมทางเครือข่ายเว็บซึ่งสามารถเข้าถึงได้ด้วยการออนไลน์ที่ www.seagate.com การฟังการประชุมสามารถเริ่มฟังได้ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ตามเวลาของโซนแปซิฟิกจนถึงวันที่ 27 มกราคม เวลา 20.59 น. ตามเวลาโซนแปซิฟิก การตอบรับสามารถทำได้จาก www.seagate.com หรือโดยทางโทรศัพท์ต่อไปนี้

USA: 800-642-1687
International: 706-645-9291
Access code: 4806307

หากต้องการข้อมูลสามารถเข้าเว็บไซต์ที่

http://www.seagate.com/newsinfo/invest/financial_info

ข้อมูลเกี่ยวกับซีเกท

ซีเกท เป็นผู้นำฮาร์ดไดรฟ์ระดับโลกด้านการออกแบบ การผลิต และการตลาด โดยมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายทั้งในกลุ่มขององค์กร พีซี โน้ตบุ๊ก และการนำไปใช้งานด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซีเกทมีความมุ่งมั่นที่จะนำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้รับรางวัล มีการบริการหลังการขาย และมีความน่าเชื่อถือ เพื่อตอบสนองความต้องการที่กำลังเติบโตของโลกในด้านสื่อการเก็บข้อมูล สามารถติดต่อบริษัทซีเกทได้ทั่วโลก หรือเว็บไซต์ได้ที่ www.seagate.com