เจาะแนวคิดยูนิฟอร์มใหม่ “บำรุงราษฎร์” มากกว่าความแกลม แต่คือความปลอดภัยของผู้ป่วย และความใส่ใจบุคลากร


ในยุคปัจจุบันที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภค รวมไปถึงการแข่งขันทางธุรกิจก็สูงยิ่งขึ้น หลายแบรนด์ต้องวางกลยุทธ์ให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งลูกค้า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ไปจนถึงพนักงานผู้เป็นตัวแทนของแบรนด์ สิ่งที่ได้เห็นมากขึ้นก็คือนโยบายในการดูแลพนักงาน เป็นสิ่งที่สะท้อนถึง DNA ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

หลายคนรู้จัก “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” ในฐานะโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศไทย ที่สามารถดึงดูดชาวต่างชาติให้มาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง Medical Hub แห่งภูมิภาคได้

สิ่งที่มากกว่านวัตกรรมในเรื่องการดูแลผู้ป่วยแล้ว บำรุงราษฎร์ยังขึ้นชื่อเรื่องการไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ พร้อมปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์อยู่เสมอ พร้อมเป็นที่หนึ่งในเรื่องการดูแลสุขภาพ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่บำรุงราษฎร์ให้ความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ “บุคลากร” ที่เปรียบเหมือนตัวแทนของแบรนด์ในการดูแลผู้ป่วย


มุมมองในการพัฒนาไม่หยุดนิ่ง ผ่านชุดยูนิฟอร์ม

เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 45 ปีของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จึงถือโอกาสในเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มใหม่ ที่มีแนวคิดหลักมาจากความปลอดภัยของผู้ป่วย มาคู่กับความคล่องตัวของบุคลากร พร้อมดีไซน์ที่ทันสมัย มีความแตกต่าง และใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพราะบำรุงราษฎร์มองว่าชุดยูนิฟอร์มไม่ใช่แค่เครื่องแต่งกาย แต่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความไว้ใจ ความใส่ใจ และมาตรฐานของโรงพยาบาล

Positioning ได้พูดคุยกับ 2 คีย์แมนคนสำคัญ ผู้อยู่เบื้องหลังในการเปลี่ยนโฉมยูนิฟอร์มครั้งนี้  “นภัส เปาโรหิตย์” Chief Marketing Officer แม่ทัพด้านการตลาด และ “ภัทรพงศ์ กาฬภักดี” Chief Administrative Officer of Ancillary Services, Cancer Center, HIM & HRแม่ทัพด้าน HR ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ทั้งคู่ได้ให้ข้อมูลที่สะท้อนมุมมองทั้งฝั่งของแบรนด์ และฝั่งของบุคลากรได้เป็นอย่างดี

นภัส เริ่มเล่าก่อนว่า “ปกติแล้วบำรุงราษฎร์เปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มทุก 5 ปี เหตุผลเพราะว่าโรงพยาบาลก็เหมือนการทำธุรกิจทั่วไป ซึ่งการทำธุรกิจคือ ความไม่หยุดนิ่ง ต้องมีวิวัฒนาการ ตอนนี้การเข้ามาของการดูแลเชิงป้องกัน หรือ Wellness ทำให้ทัศนคติของผู้ป่วยก็มีการเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ไม่อยากมาโรงพยาบาลแล้วได้แต่กลิ่นยา หรือเป็นที่สำหรับคนป่วยเท่านั้น อยากเห็นอะไรแตกต่าง เราจึงต้องรีเฟรชตัวเองเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงทุกมิติ ชุดยูนิฟอร์มคือการเปลี่ยนแปลงใหม่ตอบรับกับยุคสมัย อยากให้พนักงานผ่อนคลายขึ้น” 

ทั้งนี้นภัสเสริมอีกว่า ในปีนี้เป็นโอกาสที่ดีทั้งฉลองที่โรงพยาบาลครบรอบ 45 ปี และยังเป็นจังหวะที่วงการแพทย์มีการเปลี่ยนโฉมใหม่ เพราะถูก Disrupt จาก COVID-19 เพราะฉะนั้นการจบลงของ COVID-19 เปรียบเหมือนการเริ่มต้นใหม่ การรีเฟรชใหม่จึงทำให้ภาพลักษณ์ทันสมัยขึ้น

ปัจจุบันบำรุงราษฎร์มีพนักงานรวมทั้งหมดราว 4,000 คน แบ่งเป็นกลุ่มแนวหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโดยตรง 2,500-2,600 คน กลุ่มซัพพอร์ต 500 คน และฝั่งสำนักงานราว 1,000 คน

ทางด้าน ภัทรพงศ์ได้เสริมในมุมมองของ HR บริหารบุคลากรว่า “ตอนนี้โลกเปลี่ยนไวมาก ทั้งคนรับบริการ และคนภายนอก ปัจจุบันพนักงานของบำรุงราษฎร์ 80% เป็นกลุ่ม Gen Y และ Gen Z เพราะฉะนั้นชุดยูนิฟอร์มจึงเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้พวกเขามีความภาคภูมิใจ มั่นใจในการทำงาน โดยเราให้ความสำคัญกับพนักงานอยู่เสมอ แต่เดิมจะเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มทุก 5 ปี ในตอนนี้อาจจะเร็วขึ้นแล้วก็ได้ ต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย”


ผู้ป่วยปลอดภัย แถมยังใส่ใจบุคลากร

ในการดีไซน์ชุดยูนิฟอร์มใหม่ครั้งนี้มีกระบวนการร่วม 1 ปี ใช้งบลงทุนหลัก 10 ล้านบาท ต้องเซอร์เวย์กับพนักงานว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แล้วนำมาพัฒนาชุดในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด ให้พนักงานได้ใส่แล้วคล่องตัวมากที่สุด

โดยหัวใจหลักของชุดยูนิฟอร์มใหม่มี 5 ด้านด้วยกัน ได้แก่

  1. การพัฒนาอย่างมีเป้าหมาย: ยูนิฟอร์มใหม่ไม่ใช่แค่เครื่องแต่งกาย แต่เป็นการสะท้อนการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของบำรุงราษฎร์ เพื่อความปลอดภัย ความคล่องตัว และการดูแลผู้ป่วย
  2. ความปลอดภัยของผู้ป่วยมาก่อน: เนื้อผ้าที่มีคุณสมบัติต้านแบคทีเรียและรักษาความสะอาด ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วย
  3. ความคล่องตัว และความสบายของบุคลากร: ออกแบบเพื่อรองรับการเคลื่อนไหว ช่วยให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างราบรื่น
  4. ความภาคภูมิใจ และความเป็นมืออาชีพ: ดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันภายใต้คอนเซ็ปต์ Where Function Meets Fashion โดยมีความเชื่อมโยงแต่ละชุดอย่างลื่นไหลต่อเนื่องกัน สะท้อนมาตรฐานระดับโลกของบำรุงราษฎร์
  5. ความยั่งยืน: เลือกใช้วัสดุและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากเรื่องดีไซน์ที่สวยงามแล้ว ชุดยูนิฟอร์มใหม่นี้โดดเด่นในเรื่องฟังก์ชั่น และลดขั้นตอนของตำแหน่ง แต่เห็นแล้วรู้ว่ามีบทบาทอะไร ยังคงความร่วมสมัย และดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่

“แต่ก่อนชุดมีความหลากหลายมาก เช่น พยาบาลก็มี 6-7 แบบ แบ่งตามหน้าที่ ซึ่งคิดว่าค่อนข้างมีเลเยอร์เยอะเกิน หรือมองไปถึงการแบ่งขั้นเยอะ เราไม่อยากให้พนักงานมองว่าโรงพยาบาลเป็นแบบนั้น ตอนนี้เลยทำให้ชุดมีความหลากหลายน้อยที่สุด ทำให้เวลาที่ออกแบบมามีอันหนึ่งอันเดียวกัน ให้ทุกคนได้อยู่ในระนาบเดียว คุณภาพเดียวกัน เคารพทุกตำแหน่งที่เป็น Care Provider ส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ผู้ป่วย” 

ชุดยูนิฟอร์มใหม่แบ่งเป็น 7 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ Nursing Group, Ancillary, Front Service, Customer Service, Manager และ Other Support Service

โดยในแต่ละกลุ่มมีการดีไซน์โดยใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ทำงานได้อย่างคล่องตัว เช่น กลุ่มพยาบาลทั่วไปใส่สีขาว กลุ่มพยาบาลที่ทำงานในห้อง ICU ใส่สีฟ้า กลุ่มสนับสนุนการแพทย์อย่างเภสัชกร นักกายภาพ เทคนิคการแพทย์ ที่ทำงานใกล้ชิดผู้ป่วย ก็ยังใส่ชุดสีขาว

ส่วนกลุ่ม Front Service และ Customer Service ที่เป็นด่านหน้าในการบริการผู้ป่วยใส่สีเขียว ซึ่งเป็นสีที่สื่อถึง Wellness และเป็นสีของใบไม้ที่สื่อถึงการเกิดขึ้นใหม่ โดยใช้ผ้า “พลีท” มาเป็นจุดเด่นของชุด ส่วนพนักงานซัพพอร์ตอื่นๆ เป็นชุดโปโล เพื่อเน้นความคล่องตัว

โดยชุดแต่ละกลุ่มยังมีการดีไซน์แบบ Universal สำหรับกลุ่มพนักงานที่ตั้งครรภ์ รวมถึงพนักงานมุสลิมที่ต้องสวมผ้าฮิญาบด้วย เรียกว่าเป็นการคิดรอบด้าน ครบทุกมิติ

“การเปลี่ยนยูนิฟอร์มครั้งนี้เราไม่ได้เปลี่ยนแค่ชุดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการแสดงสัญลักษณ์ รวมถึงวิธีคิดที่ยึดมั่นในการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา และก้าวล้ำไปกว่าคนอื่นเสมอ เราคิดเสมอว่าทำอย่างไรให้ชุดมีความแตกต่างจากตลาด ทำให้โมเดิร์นขึ้น ร่วมสมัย แต่ยังมีเรื่องความคล่องตัว ความสะดวก ความปลอดภัย และพนักงานใส่แล้วมีความภูมิใจ”


ผลงาน FN แฟชั่นก็ได้ ฟังก์ชั่นก็ดี

จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ยูนิฟอร์มใหม่ของบำรุงราษฎร์เป็นผลงานการออกแบบของ FN แบรนด์แฟชั่นชื่อดังสัญชาติไทย โดยที่ผู้บริหารทั้งคู่ได้บอกว่าเหตุผลที่เลือกแบรนด์นี้เพราะมีความสวย ทั้งแฟชั่น และฟังก์ชันนอลไปด้วยกันได้ ใช้งานสะดวก ตอบโจทย์ครบ ที่สำคัญคือไม่ซ้ำใคร

ภัทรพงศ์บอกว่า “ที่เลือก FN เพราะเขาตีโจทย์เราได้ครบ ใช้งานสะดวก มีความเข้าใจในการใช้ชีวิตของพนักงาน ความคล่องตัว สะอาด สะดวกสบาย ไม่สะสมเชื้อราแบคทีเรีย ที่สำคัญมีเอกลักษณ์ที่สุด มีการคิดนอกกรอบด้วยการใช้ผ้าพลีท ที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างมาก เพราะแห้งไว ไม่ต้องรีด อีกทั้งวัสดุยังรักสิ่งแวดล้อม เห็นชุดแล้วรู้ได้เลยว่าเป็นบำรุงราษฎร์ ไม่ซ้ำกับที่อื่นแน่นอน เพราะเราอยากเป็นที่หนึ่ง”

โดยเลือกใช้ผ้า 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ Syntrel มีจุดเด่นที่มีความคล่องตัว ลดกลิ่นอับ ระบายเหงื่อได้ดี ไม่ต้องรีด, ผ้า Endurance มีความทนทานและดูดีเสมอ ลดกลิ่นอับ คงรูปทรง สีไม่ซีดง่าย และผ้า Hygitex by Perma Nano Zinc ช่วยยับยั้งแบคทีเรีย และเชื้อรา ลดกลิ่นอับ ลดการระคายเคืองได้

นอกจากนี้วัสดุต่างๆ เหล่านี้ยังขึ้นชื่อด้วยว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยนวัตกรรมผ้าที่ซักง่าย แห้งไว ไม่ต้องรีด อายุการใช้งานยาว ทำให้ประหยัดพลังงานได้ ช่วยให้พนักงานใช้ชีวิตง่ายขึ้น

ชุดยูนิฟอร์มใหม่เพิ่งเปิดตัวใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 ที่ผ่านผา ตรงกับวันครบรอบ45ปีของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งระหว่างทางอาจจะมีการปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ อีกก็เป็นได้ เพราะต้องฟังเสียงตอบรับจากพนักงานว่าอยากให้ปรับตรงไหน เพื่อการทำงานที่คล่องตัวขึ้น ทำให้ส่งต่อบริการที่เหนือระดับแก่ผู้ใช้บริการที่บำรุงราษฎร์นั่นเอง