การปั้น Pride Clinic ของ “บำรุงราษฎร์” ให้เป็นพาร์ทเนอร์ด้านสุขภาพระยะยาวของกลุ่ม LGBTQ+


ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเด็นที่ร้อนแรงอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้นเรื่อง LGBTQ+ที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่ประเด็นที่พูดเป็นกระแส หรือการตลาดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นแรงกระเพื้อมที่ทำให้สังคมตระหนักถึงความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ในประเทศไทยเองก็มีการเปิดรับมากขึ้นเช่นกัน


โรงพยาบาลที่เคารพทุกความแตกต่าง

“โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในเรื่องความหลากหลายมาตลอดระยะเวลา 42 ปีของการดำเนินงาน เรียกว่าปลูกฝังอยู่ใน DNA ของบุคลากรทุกคนเลยก็ว่าได้ นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องสถานพยาบาลที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากลที่ให้การรักษาผู้ป่วยที่ดีที่สุดแล้ว บำรุงราษฎร์เองยังเปิดโอกาสทุกคนให้เข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพมาตรฐาน โดยไม่คำนึงเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา วัฒนธรรม หรือเพศสภาพแต่อย่างใด ทำให้ในปัจจุบันเป็นโรงพยาบาลที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วยทั่วโลกมีผู้ป่วยต่างชาติมารับบริการมากถึง 190 ประเทศ

การเปิด Pride Clinic เมื่อกลางปี 2564 เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ตอกย้ำการให้ความสำคัญเรื่องความหลากหลาย และมอบบริการสำหรับกลุ่มที่ไม่จำกัดเพศสภาพอย่างสมบูรณ์แบบ ความน่าสนใจอยู่ที่การวางจุดยืนเป็น Life–time Health Partner ครบวงจรให้กับกลุ่ม LGBTQ+ ตั้งเเต่ให้คำปรึกษาดูเเลจิตใจการให้ฮอร์โมน ผ่าตัดปรับเพศสภาพ ศัลยกรรมตกเเต่ง รวมไปถึงการฟื้นฟูหลังผ่าตัด

นภัส เปาโรหิตย์ Chief Marketing Officer โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเปิด Pride Clinic ว่า

“โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีจุดแข็งในคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยระดับสากล ตลอดจนการรักษาในระดับจตุตถภูมิ (Quaternary Care) ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดในการรักษาโรคซับซ้อนต่างๆ ด้วยความชำนาญของแพทย์เฉพาะทางและเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคระบบทางเดินอาหาร โรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ โรคหลอดเลือดสมอง และการปลูกถ่ายอวัยวะ ปลูกถ่ายไตปลูกถ่ายหัวใจปลูกถ่ายกระจกตาปลูกถ่ายตับเป็นต้น เรียกว่ามีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในด้านการผ่าตัดที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

แต่นอกจากการเชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคซับซ้อนแล้วทางบำรุงราษฎร์เราเปิดให้บริการเกี่ยวกับเรื่องการผ่าตัดปรับแต่งเพศสภาพ การให้ฮอร์โมน ศัลยกรรมตกแต่งและผิวพรรณมาก่อนแล้ว จึงเล็งเห็นโอกาสในการยกระดับบริการทางด้านนี้ให้เด่นชัด เลยหยิบสิ่งที่เรามีประสบการณ์มาแล้ว ผนวกกับกลยุทธ์ในการเปิดกลุ่มตลาดใหม่ให้ชัดเจน จึงมีการเปิดเป็น Pride Clinic ที่ให้บริการแบบครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบ”

อีกหนึ่งความสำคัญในการเปิด Pride Clinic ก็คือ แต่เดิมกลุ่ม LGBTQ+ อาจจะมีข้อจำกัด หรือตัวเลือกในการเข้ารักษาพยาบาล Pride Clinic จึงเข้ามาตอบโจทย์กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ เพื่อให้มีทางเลือกในการดูแลสุขภาพ และการบริบาลแบบตอบโจทย์ทุกความต้องการ

รวมไปถึงเรื่องความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน หลายคนยังมีความเข้าใจผิด และมีความเสี่ยงในการซื้อยาฮอร์โมนมารับประทานเอง โดยไม่อยู่ในความดูแลของแพทย์ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ แต่ที่ Pride Clinic มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนที่ให้ทำแนะนำในการรับฮอร์โมนอย่างถูกต้อง และปลอดภัย


มากกว่าแค่ผ่าตัดปรับเพศสภาพ แต่ดูแลครบวงจร และเข้าใจในความต้องการที่แท้จริง

จุดเด่น และจุดเเข็งของ Pride Clinic ที่แตกต่างจากสถานพยาบาลอื่นๆ ทั่วไป คือ การดูเเลเเบบเฉพาะบุคคลใช้ระบบการดูแลแบบแพทย์ประจำตัว หรือ Primary Care Physician ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา, ดูแลต่อเนื่อง, ดูแลเรื่องการรักษา ป้องกันโรค สร้างเสริมสุขภาพ ฟื้นฟูสุขภาพทั้งกายและใจ และประสานงานร่วมกับแพทย์เฉพาะทางด้านอื่น เภสัชกร นักกายภาพบำบัด และนักโภชนากร

ที่สำคัญคือ Pride Clinic มีทีมศัลยแพทย์ในการผ่าตัดปรับเพศสภาพที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี และทำการผ่าตัดมาแล้วไม่น้อยกว่า 1,000 ราย รวมถึงมีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัดที่ปัจจุบันในไทยยังมีจำนวนไม่มากนัก

“กระบวนการในการบริบาลซับซ้อนไม่ใช่แค่ผ่าตัดปรับเพศสภาพอย่างเดียว เพราะจุดประสงค์ของแต่ละคนแตกต่างกันไป มีระดับต่างกัน อย่างแรกคนไข้ต้องพบอาจารย์หมอก่อนเพื่อดูว่าจุดประสงค์ระดับไหน บางคนอาจจะไม่ได้ต้องการเปลี่ยนเพศสภาพ หรือแค่ต้องการปรึกษาในการปรับแก้บางจุดเท่านั้น โดยเฉพาะในส่วนของการให้ฮอร์โมนที่จำเป็นต้องผ่านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะแต่ละคนมีการให้ฮอร์โมนในอัตราที่เเตกต่างกัน”

รวมไปถึง “ความลับ” ของผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญที่ทางบำรุงราษฎร์คำนึงถึงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้คำปรึกษา ไปจนถึงกระบวนการผ่าตัด มั่นใจได้ว่าทุกอย่างจะมีความปลอดภัย เป็นส่วนตัว และถูกเก็บเป็นความลับ


เป็นพาร์ทเนอร์ระยะยาว ดูแลสุขภาพกันตลอดชีวิต

Pride Clinic ไม่ได้ให้บริการเพียงแค่เฉพาะกลุ่ม LGBTQ+ อย่างเดียวเท่านั้น แต่ให้บริการทั้งกลุ่มผู้ชาย ผู้หญิง ที่มีความต้องการปรับแต่งศัลยกรรม รวมถึงดูแลด้านความงาม รูปร่าง และผิวพรรณต่างๆ ด้วย รวมถึงให้คำปรึกษาสำหรับผู้ปกครอง และญาติๆ

อีกหนึ่งความสำคัญของ Pride Clinic ไม่ใช่แค่บริการทางการแพทย์ที่ผ่าตัด หรือให้บริการครั้งเดียวแล้วจบ แต่เป็นเหมือนพาร์ทเนอร์ที่ดูแลกันไปตลอดชีวิต หรือ Life–time Health Partner ทั้งก่อนเข้ารับบริการในระยะบริการ เเละหลังบริการระยะยาวดูแลโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการในทุกขั้นตอน เพื่อให้เป็นตัวของตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด

“ถ้าคนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัด บริการของเรามีทั้งดูแลก่อนผ่าตัด ดูแลแผลหลังผ่าตัด ทำแผล เปลี่ยนผ้าทำแผล มีนักกายภาพ นักโภชนากรให้คำแนะนำเรื่องอาหาร ดูแลทุกกระบวนการจนสามารถออกจากโรงพยาบาล และใช้ชีวิตปกติได้ หรือคนไข้ที่ต้องรับฮอร์โมนก็ต้องกินตลอดชีวิต เราก็ดูแลไประยะยาว”

หรือแม้แต่ช่วงหลังผ่าตัดแล้ว บำรุงราษฎร์มีบริบาลดูแลในช่วงการพักฟื้นภายหลังผ่าตัดอย่างต่อเนื่องที่ “ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์” ภายใต้โครงการรักษ ที่บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นศูนย์บูรณาการสุขภาพ และการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชีย เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และจัดโปรแกรมแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะบุคคลทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจ การปรับสมดุลของร่างกาย ดูแลผิวพรรณ ความงาม น้ำหนักตัว และการชะลอวัยให้ดูดี

นภัสเสริมอีกว่า “บำรุงราษฎร์เหมือนทีมฟุตบอลขนาดใหญ่ ได้กระบวนการรักษาจากทีมแพทย์ทุกแขนงมาทำร่วมกันทำให้ความผิดพลาดในการรักษาน้อยที่สุด ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการดูแล ถือว่าคุ้มค่า (Value for money) ที่ได้รับการบริการน่าพึ่งพอใจดูแลในทุกมิติ บำรุงราษฎร์นั้นเราให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วยสูงสุด หากเกิดกรณีฉุกเฉิน เรามีมาตรฐานที่จะดูแลได้อย่างทันท่วงที ทั้งทีมแพทย์ และบุคลาการทางการแพทย์ ทั้งแผนก ICU และก็มีห้อง ICU แผนก ER รองรับ”

หลังจากเปิดให้บริการ Pride Clinic มา 1 ปีพบว่ามีกลุ่มคนไข้ที่สนใจ และมาปรึกษาอย่างต่อเนื่องเกิดจากการบอกเล่าปากต่อปาก ปัจจุบันกลุ่มคนไข้มีสัดส่วนเป็นคนไทย 50% และชาวต่างชาติ 50%

ที่ Pride Clinic บำรุงราษฎร์มีการใช้กลยุทธ์ Gender-Inclusive Marketing ด้วยเช่นกัน ไม่มีการแบ่งแยกเรื่องเพศ หรือเลี่ยงการระบุเพศสภาพเลี่ยงโฆษณาว่าสำหรับผู้หญิง หรือผู้ชาย หรือการใช้เพศสภาพเป็นตัวตั้ง มีการเทรนบุคลากรให้เข้าใจคนทุกกลุ่ม หรืออย่างในต่างประเทศไม่ใช้สรรพนาม His หรือ Her ที่บำรุงราษฎร์ก็เลี่ยงการใช้สรรพนามแทนคุณผู้หญิง คุณผู้ชาย เรียกเป็น “คุณ” แทน

จะเห็นได้ว่าบำรุงราษฎร์พร้อมปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อให้ทันต่อยุคสมัย การให้บริการของ Pride Clinic จะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เห็นศักยภาพของบำรุงราษฎร์ที่พร้อมให้บริการแก่คนทุกกลุ่ม พร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ มุ่งยกระดับให้ครอบคลุมและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นแต่เรายังคงไว้ซึ่งคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยสูงสุดของผู้รับบริการทุกคน

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pride Clinic ได้ที่ https://www.bumrungrad.com/th/centers/pride-clinic