บํารุงราษฎร์ ปั้นธุรกิจใหม่ ‘Pride Clinic’ เจาะ LGBTQ+ กำลังซื้อสูง เน้นครบวงจร-ดูเเลระยะยาว

บำรุงราษฎร์เสริมกลยุทธ์สร้างรายได้ เปิดตัวธุรกิจใหม่ ‘Pride Clinic’ เจาะกลุ่ม LGBTQ+ กำลังซื้อสูงทั้งในไทยเเละทั่วโลก ชูจุดเด่นการดูแลเชิงสุขภาพในระยะยาวเเบบ ‘Life-time value’ ครบวงจรตั้งเเต่ให้คำปรึกษาดูเเลจิตใจผ่าตัดเเปลงเพศศัลยกรรมตกเเต่ง ตามความต้องการเฉพาะบุคคล

ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH กล่าวว่า Pride Clinic จะเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพตามความต้องการ ให้กับกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ด้วยการบริบาลตามมาตรฐานบำรุงราษฎร์และความปลอดภัยสูงสุด ทั้งก่อนเข้ารับบริการ ในระยะบริการ เเละหลังบริการระยะยาว

ปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภคชาว LGBTQ+ ถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง มีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอย มีอยู่ทั่วโลกราว 468 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นชาวเอเชียถึง 288 ล้านคน เเละในไทยประมาณ 4 ล้านคน

บริการของ Pride Clinic ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก ทั้งจากชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยล่าสุดบำรุงราษฎร์ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในจีน ที่คาดว่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าหลัก รวมไปถึงมีเเผนจะทำการตลาดไปยังกลุ่มประเทศอื่นๆ ในอาเซียนด้วย

ในเบื้องต้นเเม้จะยังไม่ได้ตั้งเป้าตัวเลขทางธุรกิจ เเต่โรงพยาบาลมองว่า ธุรกิจใหม่นี้จะเติบโตได้ดีในอนาคตเเละคาดหวังว่าจะทำรายได้เพิ่ม 2-3 เท่า โดยค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยโดยเฉลี่ยนั้นอยู่ในเรตที่กว้างมาก เพราะความต้องการของเเต่ละบุคคลไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับ ‘ออปชั่น’ ที่อยากได้เเละความเหมาะสมกับร่างกายเเละจิตใจ ตามคอนเซ็ปต์ ‘Be the best version of you’

สำหรับ ‘Pride Clinic’ จะเปิดให้บริการกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีอายุตั้งเเต่ 20 ปีขึ้นไป รวมถึงให้คำปรึกษาผู้ปกครองและญาติมิตร

นพ.สิระ กอไพศาล อายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อและผู้ชำนาญการด้านฮอร์โมน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องสำคัญ เช่น ยังมีความเข้าใจผิดและมีความเสี่ยงในการซื้อยาคุมกำเนิดมารับประทานเอง เพื่อทดแทนฮอร์โมนในเพศหญิง ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

ดังนั้น ‘Pride Clinic’ จึงได้รับการออกแบบให้มีการบริบาลแก่กลุ่มหลากหลายทางเพศที่ครบวงจร ปลอดภัยเเละดูแลโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการในทุกขั้นตอน เช่น

  • การใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อปรับลักษณะทางกายภาพหรือเตรียมความพร้อมเพื่อปรับเพศสภาพ (Hormone Therapy)
  • ศัลยกรรมเพื่อปรับลักษณะทางกายภาพ (Masculinizing/Feminizing Procedures)
  • การผ่าตัดเปลี่ยนเพศ (Gender-Affirming Surgery)
  • การฝึกพูดเพื่อเปลี่ยนเสียงเป็นเพศหญิง (Voice Feminizing Therapy)
  • การผ่าตัดกล่องเสียง (Voice Feminizing Surgery)
  • การดูแลรักษาด้านผิวพรรณ ความงามและรูปร่าง (Aesthetic and Skin)
  • การดูแลสุขภาพจิต (Mental health)
  • โปรแกรมสุขภาพแบบจำเพาะสำหรับผู้มีความหลากหลายทางเพศ (Check-up Program for Unisex) ในทุกช่วงวัย

“จุดเเข็งของ Pride Clinic คือการดูเเลเเบบเฉพาะบุคคลจริงๆ เพราะต้องเทคฮอร์โมนในอัตราที่เเตกต่างกัน ไม่ใช่เเค่ผ่าตัดเสร็จเเล้วก็จบ เเต่คือการดูเเลระยะยาว 20-30 ปี ไปตลอดชีวิต” 

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Pride Clinic คือการมีทีมศัลยแพทย์ในการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี และทำการผ่าตัดมาแล้วไม่น้อยกว่า 1,000 ราย รวมถึงมีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัด ที่ปัจจุบันในไทยยังมีจำนวนไม่มากนัก

โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีบริบาลดูแลในช่วงการ ‘พักฟื้นภายหลังผ่าตัด’ อย่างต่อเนื่องที่ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ภายใต้โครงการรักษ ตั้งอยู่ที่บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชีย ผสมผสานระหว่างการนำเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์สมัยใหม่ (Advanced Medical Science) มาใช้ร่วมกับ ศาสตร์การแพทย์แบบองค์รวม (Holistic Wellness) ที่เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และจัดโปรแกรมแบบ ‘เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะบุคคล’ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ การปรับสมดุลของร่างกาย ดูแลผิวพรรณ ความงาม น้ำหนักตัว และการชะลอวัยให้ดูดีในแบบฉบับของแต่ละบุคคล

ก่อนจะเกิดวิกฤตโรคระบาดนั้น BH ให้การรักษาผู้ป่วยทั้งชาวไทยเเละต่างชาติกว่า 1.1 ล้านรายต่อปี คิดเป็นสัดส่วนผู้ป่วยไทยและต่างชาติอย่างละ 50% ขณะที่ ‘สัดส่วนรายได้’ ส่วนใหญ่มาจากผู้ป่วยชาวต่างชาติถึง 66% ส่วนผู้ป่วยคนไทยอยู่ที่ราว 34% เนื่องจากชาวต่างชาติจะเข้ามาทำการรักษาเคสหนัก เช่น การผ่าตัดหัวใจ รักษาโรคร้ายเเรง ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

เมื่อการเเพร่ระบาดยังไม่หมดไปในเร็ววัน บำรุงราษฎร์ จึงปรับกลยุทธ์เพื่อหารายได้ช่องทางใหม่ ขยายธุรกิจใหม่ ขยับหาลูกค้าชาวไทยมากขึ้น พร้อมชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทย (Expatriate) ที่มีอยู่ราว 2.45 ล้านคน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่มีโอกาสทางธุรกิจอยู่มาก โดยมีการจัดเเคมเปญต่างๆ ออกแพ็กเกจโปรโมชัน คอร์สรักษาในราคาพิเศษ ฯลฯ

ก่อนหน้านี้ BH หันมาจับมือกับ ‘คลินิกขนาดเล็ก’ เพื่อขยายเครือข่ายไปต่างจังหวัด ให้เข้าถึง ‘ชุมชน’ มากขึ้น ตามแนวคิด ‘แพทย์ประจำครอบครัว’ ซึ่งเป็นบริการที่ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในยุโรป ‘คุ้นเคยกันดี’ เเต่ในเมืองไทยยังไม่เเพร่หลายมากนัก เเละล่าสุดกับเปิดตัวธุรกิจใหม่อย่าง Pride Clinic ที่มุ่งเจาะกลุ่ม LGBTQ+ ที่มีกำลังซื้อสูงทั้งในไทยเเละทั่วโลก

“ขณะนี้สัดส่วนการเติบโตคนไข้ชาวไทยและต่างชาติที่อยู่ในไทยดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะการรักษาโรคเฉพาะทาง คนไข้ต่างชาติก็มีเข้ามาเป็นเที่ยวบินพิเศษ ต่อไปหากสามารถเปิดประเทศได้ ก็จะทำให้ยอดคนไข้ต่างชาติกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง” ภญ. อาทิรัตน์ระบุ