กิจการร่วมค้า เอส.ที.พี ซึ่งประกอบด้วย 5 บริษัทชั้นนำ คือ บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วนร้อยละ70 กับ บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท พีซีซี ไพศาลสิน จำกัด, บริษัท โตกีโอเดนกิ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท สงขลาฟินิชชิ่ง จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 30 ร่วมมือกันประมูลงานก่อสร้างพร้อมติดตั้งระบบผลิดไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Home System) สำหรับครัวเรือนชนบทห่างไกลทั่วประเทศ จำนวน 6 ซองประกวดราคา และกิจการร่วมค้า เอส.ที.พี เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดถึง 3 ซองประกวดราคา พร้อมกับเสนอราคาต่ำเป็นอันดับสอง จำนวน 2 ซองประกวดราคา และเสนอราคาต่ำเป็นอันดับสาม อีก 1 ซองประกวดราคา
ทั้งนี้โอกาสที่กิจการร่วมค้า เอส.ที.พี จะได้เป็นผู้ดำเนินโครงการนี้เป็นไปได้ถึง 3-5 ซองประกวดราคา เนื่องจากในราคาที่อยู่อันดับสองนั้นยังคงมีความหวังจากการที่ในกลุ่มมีสินค้าที่ได้รับการรับรองคุณภาพระบบมาตรฐานสากล ISO 9002 ซึ่งมูลค่ารวมทั้งโครงการ ประมาณ 3,825 ล้านบาท และในส่วนที่กิจการร่วมค้า เอส.ที.พี คาดไว้ว่าจะได้รับอย่างน้อย 2,200 ล้านบาท โดยจะเป็นการก่อสร้างและติดตั้งระบบดังกล่าวในโซนภาคเหนือ และภาคกลาง
บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) มีผลการดำเนินงานในปี 2546 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2546 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 184.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 90.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 49.3 ทำให้บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,252.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,139.0 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36.6 จากปีที่ผ่านมา