บริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด ร่วมกับมูลนิธิธรรมศาสตร์ ภายใต้โครงการ รักกันเตือนกัน จัดกิจกรรมพิเศษ “Drink Smart Drive Safe” รณรงค์สร้างความรู้ในการดื่มแอลกอโอล์ที่ถูกต้องและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายให้แก่คนไทย และยังส่งผลในการลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติภัยบนท้องถนนที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้
คุณวิมลวรรณ อุดมพร ผู้อำนวยการอาวุโสด้านรัฐกิจและนิเทศสัมพันธ์ บริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ ร่วมกับมูลนิธิธรรมศาสตร์ ในนามของโครงการรักกันเตือนกัน จัด “Drink Smart Drive Safe” นี้ขึ้นเพื่อกระตุ้นให้คนไทยได้รับความรู้ที่ถูกต้องในการดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มอย่างไรไม่ให้เมา ดื่มอย่างไรจึงยังสามารถขับรถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย โดยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดสอบสมรรถภาพของร่างกายด้วยการดื่มแอลกอฮอล์ แล้ววัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่ร่างกายได้รับเพื่อตรวจสอบว่า ดื่มเกิดขนาดหรือไม่ กิจกรรมนี้ยังถือเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลในการรณรงค์เรื่องการเมาไม่ขับ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า หากคนไทยมีจิตสำนึกในการดื่มแอลกอฮอล์อย่างฉลาดมากขึ้น จะส่งผมให้อุบัติภัยบนท้องถนน รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงภัยอื่นๆ ลดลงได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้ ซึ่งมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงเพิ่มขึ้นทุกปี”
กิจกรรม “Drink Smart Drive Safe” นี้จัดขึ้นในระหว่างงานพัทยา มิวสิค เฟสติวัล ด้วยจุดมุ่งหมายให้ผู้ร่วมงานได้รับรู้ถึงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างฉลาด เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากกิจกรรมทดสอบการดื่มแอลกอฮอล์พร้อมให้ความรู้เรื่องปริมาณแอลกอฮอล์ที่ร่างกายแต่ละคนจะสามารถรับได้แล้ว ยังมีการแสดงข้อมูลการตรวจวัดแอลกอฮอล์ การมอบผ้าโพกศีรษะ “รักกัน เตือนกัน” พร้อมทั้งแจกคู่มือการดื่มอย่างฉลาดและขับอย่างปลอดภัยให้แก่ผู้เข้าร่วมงานด้วย
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจของเอแบคโพล พบว่าปริมาณแอลกอฮอล์ที่ร่างกายสามารถรับได้จะแตกต่างกันระหว่างชายและหญิง ซึ่งปริมาณโดยเฉลี่ยสำหรับผู้ชายนั้น ร่างกายจะสามารถรับแอลกอฮอล์ได้ไม่เกิด 4 แก้ว (หรือ 8 ฝา) ในขณะที่ร่างกายของผู้หญิงสามารถรับแอลกอฮอล์ได้ไม่เกิด 3 แก้ว (หรือ 6 ฝา) ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง
“กิจกรรมนี้ถือเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง การให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ผู้ที่รักการดื่มว่า ดื่มอย่างไรไม่ให้เมา ร่างกายของเราสามารถดื่มได้แค่ไหน จึงจะขับรถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย จะช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ต้องขอร้องและขอความร่วมมือจากคนไทยผู้รักการดื่มทุกท่านว่า เมื่อท่านได้ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว ก็ไม่ควรที่จะขับรถ เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังอาจถูกจับในฐานะที่กระทำผิดต่อกฎหมายซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับสูงขึ้นอีกด้วย” พ.ต.ท.วินัย สุขรัศมี แห่งกองบังคับการตำรวจจราจรกล่าว
จากการสำรวจของสำนักงาสถิติแหงชาติปี 2546 พบว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชาชนบริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉลี่ยต่อหัวสูงที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยกลุ่มที่ดื่มแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยทำงานชายอายุ 25-44 ปี จำนวน 7.84 ล้านคน สำหรับผู้หญิงนั้น กลุ่มที่ดื่มเป็นประจำมีอายุระหว่าง 15-19 ปี และมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ที่สำคัญอย่างยิ่ง ข้อมูลจากการสำรวจแสดงให้เห็นว่า เด็กที่เริ่มดื่มแอลกอฮอล์ก่อนอายุ 13 ปี มีแนวโน้มที่จะติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนโต ในขณะที่หากเริ่มดื่มในวัย 31 ปีขึ้นไป ความเสี่ยงในการเกิดปัญหาต่งๆ จะลดลงถึงร้อยละ 70
“การจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อให้ความรู้ถึงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างถูกต้องภายใต้โครงการรักกันเตือนกันนั้น เราจึงมุ่งเน้นที่การให้ความรู้แก่เยาวชนเป็นสำคัญ และเมื่อกลุ่มเยาวชนเหล่านี้ตระหนักถึงความสำคัญของการดื่มแอลกอฮอล์อย่างฉลาด ก็จะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยกันสร้างจิตสำนึกให้แก่เพื่อนๆ วัยเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลต่อการลดการเกิดปัญหาต่างๆ ในสังคมได้ในที่สุด อันเป็นจุดมุ่งหมายของริชมอนเด้ ในฐานะที่เป็นองค์กรซึ่งเป็นสมาชิกหนึ่งของสังคม” คุณวิมลวรรณกล่าว
โครงการ “รักกัน เตือนกัน” ได้ริเริ่มดำเนินกันขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างบริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด และมูลนิธิธรรมศาสตร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้และเชิญชวนเยาวชนไทยในเข้าร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์สังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความรู้ถึงการดื่มแอลกอฮอล์ที่ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลต่อการลดอุบัติภัยบนท้องถนนและลดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ อันเป็นปัญหาของวัยรุ่นไทยในสังคมปัจจุบันด้วย