PFP มุ่งเป้าเสริมความแข็งแกร่งให้แบรนด์ ตอกย้ำเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจตัวเอง ทุ่มงบประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายช่วงแรกกว่า 30 ล้านบาท หวังช่วยกระตุ้นการยอดขายสิ้นปีสูงขึ้นอีก 20% เผยธุรกิจ“ซูริมิ” ยังมีโอกาสเติบโตสูง คาดอนาคตกระจายผลิตภัณฑ์ PFP ได้ทั่วโลก
วันที่ 26 พฤษภาคม 2547: นายทวี ปิยะพัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทแปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด (PFP) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปลาบดสำเร็จรูปแช่แข็งชั้นนำ กล่าวถึงแผนการตลาดของบริษัทในปีนี้ว่าจะมุ่งเน้นในส่วนของการขยายตลาดภายในประเทศให้มากขึ้น หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จอย่างสูงและเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในในตลาดต่างประเทศ โดยบริษัทจะให้ความสำคัญในการสร้างแบรนด์เป็นหลัก ซึ่งมุ่งหวังให้แบรนด์ของบริษัทเป็น Categorized Households Brand Name ของกลุ่มลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม
“ในการสร้างแบรนด์นั้น เรามุ่งหวังที่เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าตามสโลแกนว่า อร่อยง่ายๆ…จากปลาทะเล ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่และครอบครัวที่ใส่ใจในสุขภาพ” นายทวี กล่าว
ในการขยายตลาดภายประเทศนอกจากเสริมความแข็งแกร่งให้แบรนด์ PFP แล้ว บริษัทยังมีแผนการที่จะขยายช่องทางการจำหน่ายให้กระจายอย่างทั่วถึงมากขึ้น พร้อมทั้งการเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ โดยจะเป็นทั้งในส่วนของ Modern Trade และ Traditional Trade
นายทวี กล่าวต่อว่าในการสร้างแบรนด์ให้ติดตลาด บริษัทได้ตั้งงบประชาสัมพันธ์ในช่วงแรกไว้กว่า 30 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะครอบคลุมทุกสื่อ นอกจากนี้บริษัทยังมีการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดควบคู่กับการส่งเสริมการขาย ทั้งนี้เพื่อให้การทำประชาสัมพันธ์เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม
“กิจกรรมทางการตลาดที่เราได้เตรียมการไว้ จะมีทั้งในส่วนของผู้บริโภค ร้านค้า หรือแม้กระทั่งคู่ค้ารายใหม่ๆ โดยเราจะมีการกระตุ้นและส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี” นายทวี กล่าว
ส่วนเป้าหมายในการดำเนินงานของบริษัทในปีนั้น นายทวี กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายรวมขึ้นอีก 20% จากปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 570 ล้านบาท ซึ่งผลประกอบการของบริษัทและบริษัทในเครือในปีที่ผ่านนั้น บริษัทมียอดขายรวมทั้งสิ้นราว 3,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตลาดภายในประเทศ 20% และต่างประเทศ 80%
นายทวี กล่าวต่อว่า ปัจจัยหลักที่จะผลักดันให้บริษัทมียอดขายรวมที่สูงขึ้นนั้น นอกจากแผนการขยายตลาดของบริษัทเองแล้ว พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาใส่ใจกับสุขภาพมากขึ้นนั้น ทำให้บริษัทมีโอกาสทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ประกอบยังมีปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเนื้อสัตว์อื่นๆ เข้ามาผลักดัน เช่น สถานการณ์ไข้หวัดนก จึงทำบริษัทมีช่องว่างที่ขยายตลาดได้มากขึ้น โดยในอนาคตบริษัทมีแผนการขยายการตลาดเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของ PFP กระจายไปยังทุกภูมิภาค
ภาพรวมของการดำเนินธุรกิจภายในประเทศนั้นแบรนด์ PFP มีส่วนแบ่งทางการตลาดของปูอัดอยู่ถึง 50% ของมูลค่าตลาดรวมทั้งประเทศ สำหรับผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เต้าหู้ปลา ชิกูว่า ก้ามปูเทียม PFP มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 80% ในปัจจุบัน PFP มีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 1,200 ตัน ต่อเดือน โดยแบ่งเป็นการผลิตปูอัด 720 ตันหรือราว 60% ของกำลังการผลิตทั้งหมด และในส่วนของผลิตอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เต้าหู้ปลา ชิกูว่า ลูกชิ้นปลาแซลมอน โอโบโร่ อีกราว 40%