ดอลลาร์ร่วง : ตลาดหมดหวัง นโยบายดอกเบี้ยกร้าว

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่สหรัฐฯได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นที่เรียบร้อยแล้วตามความคาดหมายเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นักลงทุนส่วนใหญ่เทขายเงินดอลลาร์และหันไปลงทุนในสกุลเงินอื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ เงินฟรังก์สวิส เงินโครนนอเวย์ เป็นต้น เนื่องจากการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ครั้งนี้ ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจไม่เพิ่มอัตราดอกเบี้ยแบบแข็งกร้าวในระยะต่อไป

สำหรับเงินเยนญี่ปุ่นมีค่าลดลงเล็กน้อย เป็นผลจากตลาดหุ้นโตเกียวซบเซา เมื่อนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอผลการเลือกตั้งวุฒิสภาในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ ด้านเงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ มีค่าฟื้นตัวอย่างมาก ได้รับแรงสนับสนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจอังกฤษสดใสและแนวโน้มการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอังกฤษอีกระลอก ส่วนราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ พุ่งฝ่าแนวต้าน 400 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้อีกครั้ง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ตกต่ำและเหตุการณ์รุนแรงในอิรักยังคงเป็นปัจจัยบวกให้แก่ราคาทองคำอย่างชัดเจน

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าทรุดลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน เมื่อเทียบกับเงินยูโร แตะระดับเฉลี่ย 1.23 ดอลลาร์/ยูโร สาเหตุสำคัญที่กดดันค่าเงินดอลลาร์อเมริกัน ได้แก่ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ทยอยประกาศอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้นักค้าเงินและนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่เพิ่มอย่างรวดเร็วและกระชั้นชิดเหมือนที่เคยพยากรณ์กันไว้ ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรายงานเศรษฐกิจล่าสุดชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่ร้อนแรงนัก อาทิ ตัวเลขการจ้างงานเดือนมิถุนายนเพิ่ม 112,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่คาดไว้ 250,000 ตำแหน่ง ขณะที่ยอดการจ้างงานเดือนพฤษภาคมปรับลดลงเป็น 235,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานไว้ 248,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานและยอดสั่งซื้อสินค้าถาวรเดือนพฤษภาคมลดลง 0.3% และ 1.8% ตามลำดับ

ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ฉุดค่าเงินดอลลาร์ในช่วงกลางสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีภาคบริการเดือนมิถุนายนที่อยู่ในระดับ 59.9 ต่ำกว่าเดือนก่อนอยู่ที่ระดับ 65.2 เป็นผลจากยอดค้าปลีกและยอดจำหน่ายรถยนต์ชะลอตัวลง บรรดารายงานเศรษฐกิจเหล่านี้ได้ส่งผลให้นักลงทุนหันไปถือสกุลเงินสำคัญอื่นๆแทนเงินดอลลาร์ เพราะเก็งว่าสหรัฐฯน่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยอย่างช้าๆ ทำให้ความได้เปรียบด้านอัตราดอกเบี้ยของเงินสกุลอื่นๆยังคงมีมากกว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ในช่วงปลายสัปดาห์ ความเข้มแข็งของค่าเงินยูโร มีส่วนบั่นทอนค่าเงินดอลลาร์ด้วย เพราะตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมันดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ อีกทั้ง รายงานตัวเลขการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯไม่ได้ส่งผลดีแก่ค่าเงินดอลลาร์แต่ประการใด ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯเฉื่อยชาลงเป็นลำดับ

เงินเยนญี่ปุ่น มีค่าอ่อนไหวเช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการจัดการเลือกตั้งวุฒิสภาในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและตลาดเงิน ส่งผลให้ตลาดหุ้นโตเกียวซบเซา รวมถึงค่าเงินเยนญี่ปุ่นด้วย เงินเยนซื้อขายอยู่ในช่วงแคบราว 108-109 เยน/ดอลลาร์

เงินปอนด์อังกฤษ มีค่าเข้มแข็ง เนื่องจากแรงซื้อสกุลเงินปอนด์หลั่งไหลสู่ตลาดเงิน เมื่อรายงานตัวเลขเศรษฐกิจอังกฤษชี้ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก ซึ่งเร็วกว่าประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำอื่นๆ ทั้งนี้เป็นผลจากยอดผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคมขยายตัวอย่างมาก อีกทั้ง อัตรา GDP ไตรมาสที่ 2 เพิ่ม 1% จากไตรมาสแรก เป็นสัญญาณที่แสดงว่าเศรษฐกิจอังกฤษยังอยู่ในภาวะเสี่ยงที่อาจเกิดเงินเฟ้อรุนแรง

ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ ทะยานสูงแตะระดับเฉลี่ย 406 ดอลลาร์/ออนซ์ อีกครั้งในรอบหนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่ผันผวนและทรุดต่ำลงเฉียดระดับ 390 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุนราคาทองคำ ได้แก่ ค่าเงินดอลลาร์ที่ตกต่ำลงอย่างมาก ประกอบกับความรุนแรงในอิรักที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และราคาน้ำมันที่เพิ่มอีกระลอก ส่งผลให้นักลงทุนหันกลับไปถือทองคำเป็นหลักทรัพย์ปลอดภัยทันที ผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งอย่างรวดเร็ว

อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 5 กรกฎาคม 2547 เทียบกับวันที่ 8 กรกฎาคม 2547 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.2292 ดอลลาร์/ยูโร (1.2395 ดอลลาร์/ยูโร) 109.55 เยน (108.97 เยน) และ 1.8422 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.8506 ดอลลาร์/ปอนด์)

ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2547 เท่ากับ 397.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 406.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2547