“ยูนิ-เพรสซิเดนท์” จัดโครงการ “แก้วตา ดวงใจ เทิดไท้ 72 พรรษามหาราชินี ในโอกาสฉลอง 10 ปี “ยูนิ-เพรสซิเดนท์”

ในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะทรงเจริญพระชนมายุครบ 72 พรรษาในปีนี้ บริษัท ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหลายชนิดของไทย ได้จัดโครงการ “แก้วตา ดวงใจ เทิดไท้ 72 พรรษามหาราชินี ในโอกาสฉลอง 10 ปี ยูนิ-เพรสซิเดนท์” โดยจะนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทุกชนิดภายใต้ตรา “ปีกนก” สัญลักษณ์ของยูนิ-เพรสซิเดนท์ สมทบทุนการผ่าตัดผู้ป่วยโรคหัวใจและตาต้อกระจก ซึ่งเป็นการฉลองการดำเนินงานครบรอบ 10 ปีของบริษัทฯ ในประเทศไทยในปีนี้อีกด้วย

โครงการดังกล่าว ริเริ่มขึ้นโดยคู่สมรสคณะรัฐมนตรี และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้บริการผ่าตัวเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ 7,200 รายและผ่าตัดตาต้อกระจก 100,000 ดวงให้แก่ผู้ยากไร้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสดังกล่าว โดยได้รับความร่วมมือจากแพทย์อาสาทั้งจากภาครัฐและเอกชน

นางวริศรา อนันต์วรณิชย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การสนับสนุนโครงการผ่าตัดผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคตาต้อกระจก นับได้ว่าเป็นการให้ชีวิตใหม่กับผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ให้มีโอกาสได้กลับมามีชีวิตที่มีคุณภาพอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นการทำกุศลอย่างยิ่งใหญ่ในโอกาสที่บริษัทฯ ดำเนินงานในประเทศไทยมาครบ 10 ปี บริษัทฯ จึงได้นำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายสินค้าทุกชนิดตั้งแต่วันนี้จนถึงวันสิ้นปี ทั้งน้ำผักผสมผลไม้ 100% ตรา “ยูนิฟ”, น้ำผลไม้ตรา “เดลี่ซี”, ชาเขียวพร้อมดื่ม “ยูนิฟกรีนที”, กาแฟพร้อมดื่ม “อาฮ่า” และชาเขียวพร้อมดื่ม “ชาลีวัง” เข้าร่วมโครงการ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการทำกุศลครั้งนี้ คาดว่าเมื่อจบโครงการในช่วงปลายปี เราจะสามารถรวบรวมเงินได้เป็นมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาทและนำไปสมทบเข้าโครงการนี้ได้ทั้งหมด”

นายแพทย์เสรี ตู้จินดา อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “กรมการแพทย์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังและถูกต้องตามขั้นตอนจากยูนิ-เพรสซิเดนท์ ซึ่งจะทำให้เราผ่าตัดช่วยชีวิตและช่วยให้ผู้ป่วยอีกจำนวนมากได้กลับมามีชีวิตเป็นปกติได้ เราได้เริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวมาตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2546 และผู้ป่วยที่ขอรับการรักษาในโครงการนี้เป็นจำนวนมาก เราจึงได้ขยายเวลาการดำเนินโครงการไปจนถึงสิ้นปี 2548 ซึ่งจะสามารถผ่าตัดผู้ป่วยที่ตกค้างอยู่ได้ทั้งหมดตามเป้าหมาย อันเป็นกุศลยิ่งใหญ่ที่พวกเราชาวไทยจะได้ช่วยกันสร้างถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในวโรกาอันเป็นมหามงคลนี้”