เผยผลสำรวจชายไทยเลือกยาอีดีที่ “คุณภาพ” เมินเรื่องออกฤทธิ์เร็วและยาวนานเป็นอันดับสุดท้าย

เผยผลสำรวจอุบัติการณ์โรคอีดีชายไทยครั้งล่าสุด เกี่ยวกับคุณลักษณะของยารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (โรคอีดี) ที่ชายไทยพึงประสงค์มากที่สุด เน้นที่คุณภาพต้องมาก่อนคือ ต้องใช้ได้ผลจริง ผลข้างเคียงของยาและราคามาเป็นอันดับรอง ส่วนเรื่องการออกฤทธิ์เร็วและนาน กลับถูกเมินจัดเป็นปัจจัยในอันดับท้ายๆ ที่ชายไทยคำนึงถึง

ศ.นพ.กฤษณา รัตนโอฬาร ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยถึงผลการศึกษาเชิงระบาดวิทยาของโรคอีดีในชายไทยครั้งล่าสุด (พ.ศ.2546) เกี่ยวกับทัศนคติและพฤติกรรมการรักษาโรคอีดี โดยสำรวจในชายไทยที่มีอายุระหว่าง 40-70 ปี จำนวน 2,269 รายใน 13 จังหวัด ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ พบว่า ปัจจัยสำคัญที่ชายไทยคำนึงมากที่สุดในการเลือกยารักษาโรคอีดีมากเป็นอันดับหนึ่ง คือ คุณภาพและคุณลักษณะโดยรวมของตัวยา รองลงมาคือผลการใช้หรือผลที่เกิดจาอาการข้างเคียง อันดับ 3 ความเหมาะสมด้านราคาต่อการใช้ครั้งหนึ่งๆ อันดับ 4 วิธีการและความสะดวกในการซื้อหา ส่วนระยะเวลารอยาออกฤทธิ์และระยะเวลาการออกฤทธิ์ของยา เป็นปัจจัยอันดับท้ายๆ ที่ผู้ป่วยคำนึงถึงน้อยที่สุด

ศ.นพ.กฤษณา กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้สามารถสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติด้านพฤติกรรมทางเพศของชายไทยทั่วๆ ไปได้ด้วย และการที่ชายไทยคำนึงถึงคุณภาพของยาเป็นอันดับแรกนั้น โดยไม่ได้คำนึงเฉพาะเรื่องความเร็วและระยะเวลาในการออกฤทธิ์เพียงอย่างเดียวนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะแสดงให้เห็นว่าชายไทยมีความเข้าใจธรรมชาติของพฤติกรรมมนุษย์ในการมีเพศสัมพันธ์ ที่จะต้องเริ่มจากการจินตนาการและการเล้าโลมก่อน โดยเฉลี่ยประมาณ 30 นาที จึงจะมีความสุขทางเพศได้ทั้งสองฝ่าย

“การที่มียารักษาโรคอีดีตัวใหม่ๆ เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย นับเป้นเรื่องที่ดีต่อผู้ป่วย เพราะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ป่วย แต่การที่จะเลือกใช้ยารักษาอีดีชนิดใดนั้น ผู้ป่วยต้องคำนึงด้วยว่าสอดคล้องเหมาะสมกับพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ของตนหรือไม่ เพราะยาอีดีเป็นยาที่ใช้รักษาความบกพร่องของการแข็งตัวขององคชาต ไม่ใช่ยาปลุกอารมณ์เพศ การใช้ยาอีดีจึงควรให้เป็นไปตามธรรมชาติมากที่สุด ต้องสังเกตตัวเองด้วยว่า เรามีเพศสัมพันธ์บ่อยแค่ไหน ถ้ามีเพศสัมพันธ์เพียงไม่กี่ครั้งต่อเดือน ก็ต้องพิจารณาต่อไปว่า ยาอีดีที่ออกฤทธิ์ยาวนานเป็นวันๆ เหมาะกับพฤติกรรมเราหรือไม่ เพราะยาทุกตัวมีทั้งคุณและโทษ หากยานั้นมีผลข้างเคียงยิ่งออกฤทธิ์ยาวนานเท่าใด ผลข้างเคียงก็ยิ่งยาวนานขึ้นเท่านั้น” ศ.นพ.กฤษณา กล่าว

จากผลการสำรวจเดียวกันนี้ พบว่า พฤติกรรมด้านการมีเพศสัมพันธ์ของชายไทยมีอายุ 40-70 ปีจะมีเพศสัมพันธ์เฉลี่ยเพียง 6 ครั้งต่อเดือน จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้สำรวจเมินเรื่องเวลาในการออกฤทธิ์และยาวนานของยา โดยจัดเป็นอันดับสุดท้ายที่ต้องการ