รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 31 สิงหาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม ปิดตลาดลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยลดลงไป 7.67 จุด หรือร้อยละ 1.24 ไปปิดที่ 612.45 จุด โดยราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับลดลงอย่างมาก จากข่าวที่ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีข้อกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ปรับเพิ่มสัดส่วนตั้งสำรอง NPL

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดเพิ่มขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยได้เพิ่มขึ้นไป 59.36 จุดหรือร้อยละ 0.46 ไปปิดที่ระดับ 12,877.78 จุด โดยตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยราคาหุ้นกลุ่มที่ปรับขึ้นอย่างมากในวันนี้ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มประกัน และ อสังหาริมทรัพย์

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงจากวันศุกร์ไป 25.06 จุด หรือร้อยละ 0.22 ไปปิดที่ระดับ 11,184.53 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากการลดลงของราคาหุ้นเอ็นทีที คอร์ป และ หุ้นเคดีดีไอ คอร์ป หลังจากที่บริษัทโบรกเกอร์ได้ลดอันดับความน่า

– ลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงไป จากการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรงขึ้น

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยเพิ่มขึ้น 21.6 จุด หรือร้อยละ 0.21 ไปปิดที่ 10,195.01 จุด โดยได้รับแรงบวกจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และ การประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ที่เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นไปเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ,เงินบาท และ เงินยูโร โดยอยู่ที่ระดับ 110.16 เยน/ดอลลาร์ฯ , 41.66 บาท/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2022 ดอลลาร์ฯ/ยูโร ตามลำดับ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ได้ปรับตัวลดลงไปจากระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยลดลงไป 7.67 จุด หรือร้อยละ 1.24 ไปปิดที่ 612.45 จุด โดยราคาหุ้นกลุ่มธนาคารได้ลดลงไปอย่างมาก จากข่าวที่ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีข้อกำหนดที่ให้ธนาคารพาณิชย์ปรับสัดส่วนตั้งสำรองเพิ่มเพื่อป้องกันปัญหา NPL นอกจากนั้นนักลงทุนได้ขายหุ้นหลายตัวออกมาเพื่อทำกำไร จากการที่ราคาได้ปรับขึ้นเป็นเวลาหลายวันในช่วงที่ผ่านมา

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยลดลงไป 25.06 จุด หรือร้อยละ 0.22 ไปอยู่ที่ระดับ 11,184.53 จุด ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาหุ้นนิปปอน เทเลกราฟ แอนด์ เทเลโฟน และ หุ้นเคดีดีไอ คอร์ป ที่ปรับลดลงไปหลังจากที่บริษัทโบรกเกอร์ได้ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของบริษัทดังกล่าวลงไป จากการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์ที่รุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนอยู่บ้างจากการประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ค.ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสูงกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 0.5

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปอีก 59.36 จุด หรือร้อยละ 0.46 ไปปิดที่ระดับ 12,877.78 จุด โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งได้ขยายตัวถึงร้อยละ 12.1 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้หุ้นส่วนใหญ่ที่ปรับขึ้นไปในวันนี้ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มประกัน และ อสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงชะลอการซื้อขายก่อนการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน และ การประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยได้เพิ่มขึ้นไปถึง 21.6 จุด หรือ ร้อยละ 0.21 ไปปิดที่ 10,195.01 จุด โดยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์, การประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.ของ มหาวิทยาลัยมิชิแกน ที่สูงกว่าที่คาดไว้, ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ที่ปรับตัวขึ้นร้อยละ 2.8 ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย และ ราคาน้ำมันในตลาด NYMEX ที่ได้ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 43 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยปิดที่ระดับ 1,862.09 จุด ลดลง 7.8 จุด หรือ ร้อยละ 0.49 โดยได้รับแรงบวกจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดฤดูร้อน ประกอบกับนักลงทุนเดินทางออกนอกเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันในสัปดาห์หน้า

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงไปตามทิศทางของค่าเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยค่าเงินดอลลาร์ฯได้แรงหนุนหลังจากที่สหรัฐฯได้ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าพึงพอใจ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

Yen/USD
เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากที่ได้มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้แก่ ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเดือน ส.ค.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งอยู่ที่ 95.9 สูงกว่าที่ได้คาดไว้ที่ร้อยละ 94 และ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส2 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ ทำให้นักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยตัวเลขเศรษฐกิจต่อไปที่นักลงทุนให้ความสนใจ ได้แก่ ตัวเลขการบริโภคและรายได้ส่วนบุคคลประจำเดือน ก.ค. ที่จะประกาศในวันนี้, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค. ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น ไป100,000 – 150,000 ตำแหน่ง ซึ่งหากว่าตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด ก็จะส่งผลให้เงินดอลลาร์ฯอ่อนค่าลง

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นไปเมื่อเทียบกับเงินยูโร โดยในวันนี้เงินยูโรได้อ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ประมาณ 1.2004/1.2007 ดอลลาร์ฯ/ยูโร ทั้งนี้เงินดอลลาร์ฯได้แรงบวกจากการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงทำให้มีแรงกลับเข้าซื้อเงินดอลลาร์ฯมากขึ้น

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 7,020.13 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนถึงร้อยละ 53.4 โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรส่วนใหญ่ได้ปรับเพิ่มขึ้นในวันนี้ ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวส่วนใหญ่ได้ปรับตัวตั้งแต่ 1 ถึง 4 bps. โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีเพิ่มขึ้นไปถึง 4 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯในวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม ได้ปรับลดลงไป โดยการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังชะลอตัวมากนัก ทั้งนี้ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ที่ปรับลดเป็นร้อยละ 2.8 ได้เป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ไว้แล้ว นอกจากนั้นตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.ก็อยู่ในระดับที่สูงกว่าที่คาดไว้ ทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯจะถูกปรับขึ้นอีกในอนาคต