รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 2 กันยายน 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน ปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน โดยลดลงไป 0.03 จุด หรือร้อยละ 0.005 ไปปิดที่ 628.78 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท โดยการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นอีกครั้งได้ทำให้มีการขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มสื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ และขนส่ง ซึ่งได้ปรับตัวขึ้นไปมากในช่วงที่ผ่านมาออกมา

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงไปจากที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 เดือนเมื่อวันก่อน โดยปิดที่ระดับ 12,999.07 จุด ลดลงไป 24.8 จุด หรือร้อยละ 0.19 โดยได้รับแรงกดดันจากการขายทำกำไรของนักลงทุนส่วนใหญ่หลังจากที่ตลาดได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในวันก่อน ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่กดดันการซื้อขายในวันนี้

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดเพิ่มขึ้นไป 25.4 จุด หรือร้อยละ 0.23 ไปปิดที่ระดับ 11,152.75 จุด โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปมากนัก โดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ได้ปรับตัวลดลงหลังจากการประกาศยอดขายรถยนต์ของสหรัฐเดือน ส.ค.ที่ได้ลดลงไปจากเดือนก่อน

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันอังคารที่ 31 สิงหาคม ปิดตลาดลดลงไปเล็กน้อยที่ 5.46 จุด หรือร้อยละ 0.05 โดยปิดที่ระดับ 10,168.46 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ไปสู่ระดับ 44 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล หลังจากการประกาศสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯในช่วงสัปดาห์ก่อน ที่ลดลงไปเกินคาด

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ,เงินบาท และ เงินยูโร โดยอยู่ที่ระดับ 109.39 เยน/ดอลลาร์ฯ , 41.548 บาท/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2186 ดอลลาร์ฯ/ยูโร ตามลำดับ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน โดยลดลงไปอีกเพียง 0.03 จุด หรือร้อยละ 0.005 ไปปิดที่ 628.78 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 17,600.86 ล้านบาท โดยการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งหนึ่งได้ทำให้นักลงทุนขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ หุ้นในกลุ่มพลังงาน,วัสดุก่อสร้าง, สื่อสาร และ ธนาคาร

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดเพิ่มขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยได้เพิ่มขึ้นไปอีก 25.4 จุด หรือร้อยละ 0.23 ไปอยู่ที่ระดับ 11,152.75 จุด โดยตลาดได้แรงบวกจากการปรับขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีตามทิศทางของหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ ทั้งนี้นักลงทุนได้ปรับตัวรับกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับการคาดการณ์ผลประกอบการที่ลดลงของอินเทล คอร์ป ไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ได้ปรับตัวลดลงหลังการประกาศยอดขายรถยนต์เดือน ส.ค.ของสหรัฐฯที่ลดลงไปจากเดือนก่อน ได้ ทำให้ตลาดไม่ได้ปรับขึ้นไปมากนักในวันนี้

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงไปจากระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 เดือนวันก่อน โดยลดลงไป 24.8 จุด หรือร้อยละ 0.19 ไปปิดที่ระดับ 12,999.07 จุด ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากการขายเพื่อทำกำไรของนักลงทุน หลังจากที่ตลาดได้ปรับตัวขึ้นอย่างมากเมื่อวันก่อน และ การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยการลดลงของราคาหุ้นบลูชิพหลายตัว เช่นหุ้นซัน ฮุง ไค พร็อพเพอร์ตีส์ และ หุ้น เอชเอสบีซี ได้ทำให้ตลาดปิดลดลงในวันนี้

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดลดลงไปเพียงเล็กน้อยในวันพุธที่ผ่านมา โดยได้ลดลงไป 5.46 จุด หรือ ร้อยละ 0. 05 ไปปิดที่ 10,168.46 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายที่ 1.1 พันล้านหุ้น ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดดันจากความวิตกกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค.ได้เพิ่มขึ้นไปสู่ 44 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล จากข่าวเพลิงไหม้โรงกลั่นน้ำมันในรัฐเท็กซัส และ การรายงานสต็อกน้ำมันดิบในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาของสหรัฐฯที่ลดลงไปกว่าที่คาดไว้ นอกจากนั้นความวิตกกังวลเกี่ยวกับการก่อการร้ายระหว่างการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันในสัปดาห์นี้ ก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่กดดันการซื้อขาย

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 1,850.41 จุด เพิ่มขึ้นไป 12.31 จุด หรือ ร้อยละ 0.67 จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น เดล อิงค์ และ ซิสโก ซิสเตมส์ จากรายงานที่ว่าค่าใช้จ่ายทางด้านเทคโนโลยียังคงแข็งแกร่ง

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงทรงตัวจากวันก่อน โดยเงินดอลลาร์ฯได้อ่อนค่าลงไปเล็กน้อย จากการประกาศตัวเลขดัชนีกิจกรรมภาคการผลิตเดือน ส.ค.ของสถาบัน ISM ที่ลดลงไปจากเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ครั้งแรกของสหรัฐฯในคืนนี้ เพื่อพิจารณาถึงทิศทางของเงินดอลลาร์ฯ

Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯแทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเงินเยน โดยเงินดอลลาร์ฯได้รับแรงกดดันจากตัวเลขดัชนีกิจกรรมภาคการผลิตเดือน ส.ค.ของสถาบัน ISM ที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่จะจับตาดูต่อไป ได้แก่ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ครั้งแรกที่จะประกาศในวันนี้ และ ตัวเลขการจ้างงานเดือน ส.ค.ที่จะประกาศในวันศุกร์

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้อ่อนค่าลงไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินยูโรเช่นเดียวกัน โดยได้รับแรงกดดันจากการประกาศตัวเลขดัชนีกิจกรรมภาคการผลิตเดือน ส.ค.ที่ลดลง การประกาศตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯในช่วงสัปดาห์ที่แล้วที่ลดลงไปจากที่คาดไว้ และ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการก่อการร้ายระหว่างการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าเงินดอลลาร์ฯ จะไม่อ่อนค่าลงไปมากนักก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงานเดือน ส.ค.ในวันพรุ่งนี้

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 11,555.32 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนร้อยละ 8.21 โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรส่วนใหญ่ต่างปรับตัวลดลงในวันนี้ ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวส่วนใหญ่ได้ปรับตัวลดลงไปตั้งแต่ -1 ถึง –7 bps. โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 7 ปีปรับลดลงไปมากที่สุดถึง -7 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯ ในวันพุธที่ 1 กันยายน ทรงตัวเมื่อเทียบกับวันก่อน โดยอัตราผลตอบแทนของ US 10 Years Treasury Bond ได้ลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดรอบ 5 เดือน ไปอยู่ที่ร้อยละ 4.08 ก่อนที่จะได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเวลาต่อมา หลังจากที่ได้มีการประกาศตัวเลขดัชนีกิจกรรมภาคการผลิตของสถาบัน ISM ในเดือน ส.ค. ซึ่งลดลงจาก 62.0 ในเดือน ก.ค.มาอยู่ที่ 59.0 ซึ่งยังคงสูงกว่าระดับที่นักลงทุนส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ไว้ ทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯจะถูกเพิ่มขึ้นไปอีกร้อยละ 0.25 ในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯครั้งต่อไปในเดือนนี้