CCP รุกตลาดโซนเหนือของกรุงเทพฯ กินรวบตลาดวัสดุก่อสร้างในย่านรังสิตถึงภาคกลาง

6 กันยายน 2547 – ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรีจับมือกับพันธมิตรใหม่(Strategic Alliance) ดี แลนด์ ดีเวลลอปเมนท์ และบิลเลี่ยนบิลดิ้ง รุกตลาดโซนเหนือของกรุงเทพฯ โดยทุ่มงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท ตั้งโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready-mixed Concrete Plant) และ กันยงโฮมสโตร์ สาขาคลองหลวง ขายสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งครบวงจร ในรูปแบบของร้านโมเดิร์นเทรดที่ใหญ่ และทันสมัยที่สุด โดยในย่านรังสิต หวังเจาะใจผู้ค้าจากทั่วประเทศในตลาดไท เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น

นายประทีป ทีปกรสุขเกษม ประธานกรรมการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP หนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปมานานกว่า 20 ปี เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า จากการศึกษาถึงแนวโน้มของภาวะอุตสาหกรรมก่อสร้างนั้น แม้ว่าอัตราการเติบโตจะไม่โดดเด่นเท่ากับในปี 2546 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และความต้องการที่อยู่อาศัย ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงขยายตัวต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทางบริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเติบโตตามไปด้วย นอกจากนี้ เพื่อเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจของบริษัท จึงได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจของบริษัทออกไปยังทำเลอื่น ๆ นอกเหนือไปจากในจังหวัดชลบุรีที่บริษัทมีความชำนาญอยู่ โดยบริษัท พิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ หลายประการ ปัจจัยสำคัญหนึ่งก็คือ ทำเลที่ดี โดยพิจารณาว่า เป็นทำเลที่ดี มีศักยภาพ แต่ยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์แบบมากนัก แต่มีแนวโน้มว่าจะได้รับการพัฒนาให้เจริญต่อไปในอนาคต โดยทำเลในย่านคลองหลวง มีลักษณะสอดคล้องกับทำเลที่บริษัทมองหาอยู่ จึงได้เจรจาซื้อที่ดินกับบริษัท บิลเลี่ยน บิลดิ้ง จำกัด จำนวน 14 ไร่ เพื่อก่อสร้างโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready-mixed Concrete Plant) จำนวน 1 โรงและ ร้านกันยงโฮมสโตร์ สาขาคลองหลวง และนอกจากนี้ ยังเจรจาเป็นผู้หาวัสดุก่อสร้างให้กับกลุ่มบริษัท ดี แลนด์ ดีเวลลอปเมนท์ โครงการคลองหลวงเมืองใหม่ทั้งโครงการ

สำหรับผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ นั้นจะผสมในสัดส่วนตามคำสั่งของลูกค้า สำหรับใช้ในงานก่อสร้างที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะมีบริการขนส่งและบริการเทคอนกรีตผสมเสร็จ ถึงหน้างานก่อสร้าง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความได้เปรียบในแง่ที่บริษัทฯ มีรถขนส่งผลิตภัณฑ์ของตนเองเป็นจำนวนมาก ทำให้มีความพร้อมที่จะขนส่งผลิตภัณฑ์ไปยังลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ ก็ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการบ้านจัดสรร และผู้รับเหมาก่อสร้างต่าง ๆ

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลบุรีกันยง จำกัด บริษัทย่อยในเครือ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด(มหาชน) หรือ CCP ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างและเครื่องตกแต่งบ้านครบวงจรเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในส่วนชลบุรีกันยง เพื่อเป็นการเพิ่มและขยายช่องทางการจำหน่าย จึงได้มีการขยายการลงทุนไปยังกรุงเทพโซนเหนือเช่นเดียวกับ CCP โดยได้มีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ และโอกาสทางการตลาดของร้านค้าปลีกและส่งสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง ของทางบริษัท ที่ยังมีช่องว่างและโอกาสในการเติบโตได้อีกมากในทำเลดังกล่าว จึงได้มีแผนการในการตั้ง “กันยงโฮมสโตร์” สาขาใหม่ คือ สาขาคลองหลวง โดยรูปแบบของร้านจะเป็นแบบที่ทันสมัย (Modern Trade) เช่นเดียวกับสาขาพัทยา ที่กำลังจะเปิดในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ เพื่อมุ่งตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งสาขานี้จะมีพื้นที่ขายประมาณ 20,000 ตารางเมตร โดยใช้เงินลงทุนกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า กันยง โฮมสโตร์สาขาคลองหลวงนี้จะเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2548 รองรับกับปริมาณความต้องการสินค้าเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง และตกแต่งที่บริษัทจำหน่ายอยู่ ทั้งปลีกและส่ง ให้กับกลุ่มลูกค้ารอบ ๆ ตัวโครงการคลองหลวงเมืองใหม่ ทั้งลูกค้าโครงการ ลูกค้ารายย่อยที่ต้องการตกแต่งต่อเติมบ้าน รวมไปถึงกลุ่มผู้ค้าที่มาจากทั่วประเทศ เพื่อมาค้าขายในตลาดไท ซึ่งเชื่อว่า จะเป็นการขยายโอกาสทางการตลาดของทางบริษัทได้อีกมาก คาดว่าภายหลังจากเปิดดำเนินการจะสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตขึ้นอีกกว่า 30%

นายจักรชัย ฉันทโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี แลนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัท ดีแลนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการ คลองหลวงเมืองใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนบางขันธ์ ในเขตอำเภอคลองหลวง ซึ่งจะพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบของ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่า รวมทั้งโครงการกว่า 2,000 ยูนิต มูลค่าการลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 5 เฟส โดยจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในระดับกลาง ทั้งกลุ่มผู้ค้าทั้งค้าปลีกและส่ง ผู้ประกอบการ SMEs และผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาที่เป็นเจ้าของได้

“การเดินทางในย่านนี้ค่อนข้างสะดวกสบาย อันเนื่องมาจากโครงข่ายคมนาคมที่ภาครัฐ ได้ทุ่มงบประมาณจัดสร้างเมื่อครั้งที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ตั้งแต่ปลายปี 2541 โดยการเดินทางเข้าสู่ถนนคลองหลวงนั้น สามารถใช้โครงข่ายคมนาคม สายหลักทั้งทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ หรือถนน วิภาวดีรังสิต ต่อเนื่องมายังถนนพหลโยธิน หรือจะใช้เส้นทางผ่านระบบทางด่วนขั้นที่ 2 สายบางปะอิน-ปากเกร็ด จะมีจุดขึ้นลงทางด่วนอยู่ที่ถนนเชียงรากด้านข้างสนามกีฬาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ได้อีกเส้นทางหนึ่ง ขณะเดียวกัน ช่วงต้นถนนก็มีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ตลาดไทซึ่งเป็นตลาดค้าส่งผักผลไม้และไม้ดอกขนาดใหญ่ เป็นจุดเด่นของทำเลดังกล่าว หากแต่ในด้านโครงการบ้านจัดสรร อาจมีตัวเลือกไม่มากเหมือนทำเลย่านรังสิต-องครักษ์ ซึ่งมีโครงการให้เลือกหลากหลายทั้งด้านทำเล ราคา และเงื่อนไขพิเศษอื่นๆ ซึ่งผมเชื่อว่า ด้วยศักยภาพของทำเล ตลอดจนสาธารณูปโภค และโครงข่ายคมนาคมที่ครบครันดังกล่าวจะทำให้ทั้งโครงการคลองหลวงเมืองใหม่ และร้านกันยงโฮมสโตร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของผมนั้น จะได้รับผลดีจากการลงทุนในโครงการนี้แน่นอน” นายจักรชัยกล่าวในที่สุด

ประเด็นเพิ่มเติมจากงานแถลงข่าว CCP

– ซื้อที่ดินจำนวน 14 ไร่ ๆ ละ 8.5 ล้านบาท รวมมูลค่าประมาณ 117 ล้านบาท จาก บ.บิลเลี่ยน บิลดิ้ง จก.
– กันยงโฮมสโตร์ สาขาคลองหลวง เป็นสาขาที่ 3 จะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 3 ปี 48
– กันยงโฮมสโตร์ จะตั้งอยู่ด้านหน้า และเป็นส่วนหนึ่งในโครงการคลองหลวงเมืองใหม่ ซึ่งพัฒนาโดย บ.ดีแลนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จก. โดยมีบิลเลี่ยน บิลดิ้งเป็นเจ้าของที่ดิน (ทั้งหมด 200 ไร่)
– สาขาใหม่จะสร้างรายได้ให้กับทั้งชลบุรีกันยง (ส่วนของร้านค้าวัสดุก่อสร้าง -กันยงโฮมสโตร์) และ บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (โรงงานคอนกรีตผสมเสร็จ)
– กันยงจะเป็นผู้จัดหาและสนับสนุนวัสดุก่อสร้างให้กับ ดีแลนด์ ดีเวลลอปเมนท์ ตลอดระยะเวลาการก่อสร้างโครงการ (โครงการคลองหลวงเมืองใหม่) รวมมูลค่าประมาณ 1000 ล้านบาท
– CCP มั่นใจว่า จะสร้างยอดขายเพิ่มให้กับบริษัท 30%
– รายได้รวมของทั้งกลุ่ม CCP ในปี 47 ประมาณ 1700-1800 ล้านบาท โดดยเป็นยอดขายของ ชลบุรีกันยง ประมาณ 600 ล้านบาท
– ปี 48 คาดว่าชลบุรีกันยงจะมีรายได้ประมาณ 900 ล้านบาท
– คาดว่า ชลบุรีกันยง จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในปี 48 ทุนจดทะเบียน 245 ล้านบาท พาร์ 5 บาท เพื่อนำเงินมาใช้ ชำระหนี้เงินกู้ประมาณ 75 ล้านบาท และเพื่อขยายสาขาใหม่ต่อไป