รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 1 ตุลาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน ปิดตลาดเพิ่มขึ้นจากวันก่อน โดยปิดที่ 644.67 จุด เพิ่มขึ้น 8.1 จุด หรือร้อยละ 1.27 มูลค่าการซื้อขายที่ 1.52 หมื่นล้านบาท ตลาดทรงตัวอยู่ในระดับสูงตลอดวัน โดยได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในต่างประเทศ ส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามามากในหุ้นกลุ่มสื่อสาร พลังงาน และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวขึ้นไปถึง 169.23 จุด หรือร้อยละ 1.31 สู่ระดับ 13,120.03 จุด โดยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นบริษัทจีน จากการที่นักลงทุนเชื่อว่าทางการจีนมีความจำเป็นน้อยลงในการที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนั้นราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก และช่วยหนุนตลาดในวันนี้เช่นกัน

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ลดลงเป็นเวลาเก้าวันติดต่อกันโดยอยู่ที่ 10,823.57 จุด เพิ่มขึ้นไป 37.47 จุด หรือร้อยละ 0.35 โดยได้รับแรงบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นโตโยต้า มอเตอร์และหุ้นในกลุ่มส่งออกรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันซึ่งยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง และการที่นักลงทุนชะลอการลงทุนก่อนการรายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคเอกชนในวันศุกร์

– ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อวันพุธที่ 29 กันยายน ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 58.84 จุด หรือร้อยละ 0.58 ไปอยู่ที่ 10,136.24 จุด โดยตลาดได้รับแรงหนุนจาก การที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และ แรงซื้อในหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และหุ้นบลูชิพบางตัวที่ราคาได้ลดลงไปอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท , เยน และยูโร โดยอยู่ที่ระดับ 41.47 บาท/ดอลลาร์ฯ , 110.9 เยน/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2324 ดอลลาร์ฯ/ยูโร

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดเพิ่มขึ้น หลังจากลดลงไปเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน โดยอยู่ที่ 644.67 จุด เพิ่มขึ้น 8.1 จุด หรือร้อยละ 1.27 มูลค่าการซื้อขายที่ 15,276 ล้านบาท ตลาดปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงไป ซึ่งได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นไปเช่นเดียวกัน และได้แรงหนุนจากการทำบัญชีเพื่อปิดงบสิ้นไตรมาสของกลุ่มกองทุน โดยได้มีแรงซื้อเข้ามาอย่างมากในหุ้นกลุ่มพลังงาน สื่อสาร และ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดเพิ่มขึ้นหลังจากที่ลดลงไปเป็นเวลาเก้าวันติดต่อกัน โดยปิดที่ระดับ 10,823.57 จุด เพิ่มขึ้นไป 34.47 จุด หรือร้อยละ 0.35 โดย ได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวของหุ้นโตโยต้า มอเตอร์ และหุ้นในกลุ่มส่งออกรายใหญ่ หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันยังปรับตัวอยู่ใกล้เคียงกับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้ทำให้นักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐฯ และการที่นักลงทุนชะลอการลงทุนก่อนการรายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคเอกชนในวันพรุ่งนี้ ได้ทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดที่ระดับ 13,120.03 จุด เพิ่มขึ้นไปถึง 169.23 จุด หรือร้อยละ 1.31 ก่อนวันหยุดยาวในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกเช่นเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ ทั้งนี้ราคาหุ้นบริษัทจีนได้ปรับตัวขึ้นไปอย่างมาก จากการที่นักลงทุนเชื่อว่าทางการจีนมีความจำเป็นน้อยลงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนั้น การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และขนส่งก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นไป 58.84 จุด หรือ ร้อยละ 0.58 ไปปิดที่ 10,136.24 จุด มูลค่าการซื้อขายที่ 1.4 พันล้านหุ้น ทั้งนี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน โดยราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน พ.ย.ที่ตลาด NYMEX ได้ลดลงมาปิดที่ 49.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่มีการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย และการที่นักลงทุนได้กลับเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และหุ้นบลูชิพบางตัวที่ราคาได้ลดลงไปอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ได้เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดให้ปรับตัวขึ้นไป

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเช่นเดียวกัน โดยอยู่ที่ 1,893.94 จุด เพิ่มขึ้นไป 24.07 จุด หรือ ร้อยละ 1.29 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เช่น หุ้นอินเทล คอร์ป

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้ เช่นเดียวกับค่าเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่ ถึงแม้ว่าสหรัฐฯจะได้ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ที่สูงกว่าที่คาดไว้ก็ตาม โดยเงินบาทได้รับปัจจัยบวกจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันก่อน

Yen/USD
เงินเยนได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้การประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐฯที่ได้ขยายตัวถึงร้อยละ 3.3 จากตัวเลขประมาณการขั้นต้นที่ร้อยละ 2.8 ได้ส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงในช่วงเช้าไปสู่ 111.26 เยน/ดอลลาร์ฯ อย่างไรก็ตาม เงินเยนได้กลับแข็งค่าขึ้นในเวลาต่อมา โดยได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง หลังจากการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯในสัปดาห์ล่าสุดที่เพิ่มสูงขึ้น และจากข่าวการทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกลุ่มกบฏ และ รัฐบาลไนจีเรีย แต่เงินเยนแข็งค่าขึ้นไปไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนการประกาศผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคเอกชนรายไตรมาสในวันพรุ่งนี้

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวอยู่ในช่วงแคบๆเมื่อเทียบกับเงินยูโร โดยเงินดอลลาร์ฯได้แข็งค่าลงไปในช่วงสั้นๆ หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐฯที่ขยายตัวขึ้นร้อยละ 3.3 ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงชะลอการซื้อขายก่อนการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มจี 7 ในวันพรุ่งนี้

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 7,723.03 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนร้อยละ 64.7 โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปตั้งแต่ 1 ถึง 4 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯ ในวันพุธที่ 29 กันยายน ได้ปรับตัวลดลง โดยได้รับแรงกดดันจากการขายเพื่อทำกำไรของนักลงทุนส่วนใหญ่ หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงไป จากการประกาศสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด และ การประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐฯที่สูงกว่าที่คาดไว้ ซึ่งช่วยสนับสนุนการคาดการณ์เชิงบวกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และส่งผลให้เกิดความไม่แน่ใจเกี่ยวกับการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ