ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้
ตลาดหุ้นไทยในวันอังคารที่ 5 ตุลาคม ปิดตลาดปรับตัวลดลงไปเล็กน้อย โดยปิดที่ 673.88 จุด ลดลง 5.25 จุด หรือร้อยละ 0.77 มูลค่าการซื้อขายที่ 1.8 หมื่นล้านบาท ตลาดเปิดทำการซื้อขายในช่วงบ่ายเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับระบบการซื้อขายของโบรกเกอร์ และปรับตัวลดลงไปจากปัจจัยลบในเรื่องของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ความไม่ชัดเจนในเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี และการขายทำกำไรของนักลงทุน
– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวลดลงไปจากระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อวันก่อน โดยปิดที่ 13,331.1 จุด ลดลงไป 28.15 จุด หรือร้อยละ 0.21 จากการขายทำกำไรของนักลงทุนหลังจากที่ตลาดได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน โดยอยู่ที่ 11,281.83 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 2.2 จุด หรือร้อยละ 0.02 ทั้งนี้ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการประกาศตัวเลขผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น และการคาดการณ์เกี่ยวกับผลกำไรภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ตลาดได้ชะลอแรงบวกลงไป หลังจากที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอย่างมากเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน
– ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอีก 23.89 จุด หรือร้อยละ 0.23 ไปอยู่ที่ 10,216.54 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยการคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 3 ที่เพิ่มขึ้นของบริษัทซีเบล ซิสเต็มส์ ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การลดลงของราคาหุ้นกลุ่มผู้สร้างบ้านได้เป็นปัจจัยที่กดดันตลาดไม่ให้ปรับตัวขึ้นไปมากนัก
– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้แข็งค่าขึ้นไปเมื่อเทียบกับเงินเยน ,ยูโร และบาท โดยอยู่ที่ระดับ 110.9 เยน/ดอลลาร์ฯ ,1.2276 ดอลลาร์ฯ/ยูโร และ 41.388 บาท/ดอลลาร์ฯ ตามลำดับ
ภาวะตลาดหุ้น
Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดปรับตัวลดลงไปจากระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อวันก่อน โดยปิดที่ 673.88 จุด ลดลง 5.25 จุด หรือร้อยละ 0.77 มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นแม้จะเปิดทำการซื้อขายเพียงแค่ในช่วงบ่าย เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับระบบการซื้อขายของโบรกเกอร์ที่ 18,353.62 ล้านบาท โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดสิงคโปร์, ความไม่ชัดเจนในเรื่องของการปรับคณะรัฐมนตรี และแรงขายทำกำไรของนักลงทุนหลังจากที่ตลาดปรับตัวขึ้นไปอย่างมากเมื่อวันก่อน
Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน โดยปิดที่ระดับ 11,281.83 จุด เพิ่มขึ้นไปเพียง 2.2 จุด หรือร้อยละ 0.02 ทั้งนี้ตลาดยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการประกาศตัวเลขผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกำไรภาคเอกชนที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดได้เริ่มลดแรงบวกลงไป โดยได้มีแรงขายทำกำไรของนักลงทุนออกมา หลังจากที่ตลาดได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอย่างมากในช่วงสามวันที่ผ่านมา
Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงไปจากระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อวันก่อน โดยปิดที่ 13,331.1 จุด ลดลง 28.15 จุด หรือร้อยละ 0.21 โดยนักลงทุนได้เข้าทำกำไรหลังจากที่ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อตกลงขายสำหรับสิ่งปลูกสร้างทุกประเภทในเดือน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อจันทร์ที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นไป 23.89 จุด หรือ ร้อยละ 0.23 ไปปิดที่ 10,216.54 จุด ปริมาณการซื้อขายหนาแน่นที่ 1.5 พันล้านหุ้น ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงหนุนจากข่าวการเปิดเผยแนวโน้มยอดขายในไตรมาส 3 ที่เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ของบริษัทซีเบล ซิสเต็มส์ ซึ่งได้ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้นไป และ การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง หลังจากที่กลุ่มกบฏในไนจีเรียได้ถอนคำขู่ที่จะโจมตีกิจการน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปมากนัก เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการปรับลดการคาดการณ์ผลกำไรไตรมาส 3 ของบริษัท Pulte Homes Inc. ซึ่งได้ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มผู้สร้างบ้านปรับตัวลดลงไปอย่างมาก
US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอย่างมากเช่นเดียวกัน โดยปิดที่1,952.4 จุด เพิ่มขึ้นไป 10.2 จุด หรือ ร้อยละ 0.53 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี จากการแนวโน้มยอดขายที่ดีขึ้นของบริษัทซีเบล ซิสเต็มส์
สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน
Baht/USD
เงินบาทได้อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้ โดยเป็นการปรับตัวไปในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินเยน หลังจากที่แถลงการณ์การประชุมกลุ่มประเทศจี 7 ไม่ได้แสดงท่าทีที่แข็งกร้าวในการกดดันจีนให้ปรับเพิ่มค่าเงินหยวน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนเงินดอลลาร์ฯให้แข็งค่าขึ้น
Yen/USD
เงินเยนได้อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินดอลลาร์ฯได้รับแรงหนุน จากการคาดการณ์ที่คาดว่าแถลงการณ์ของนายอลัน กรีนสแปนที่จะกล่าวในคืนนี้จะยังคงมีความคิดเห็นในเชิงบวกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจากการที่ในการประชุมเจ้าหน้าที่การเงินจากกลุ่มประเทศจี 7ที่ผ่านมา ไม่ได้กดดันประเทศจีนให้ปรับขึ้นค่าเงินหยวน อย่างไรก็ตาม คาดว่าการแข็งค่าของดอลลาร์ฯจะเป็นไปในช่วงแคบๆก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย.ในวันศุกร์นี้
USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรเช่นเดียวกัน โดยเงินดอลลาร์ฯได้แข็งค่าขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.2257 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อคืนนี้ จากการคาดการณ์ในเชิงบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานเดือน ก.ย.ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้น่าจะเพิ่มขึ้นไป 148,000 ตำแหน่ง และจะส่งผลให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน พ.ย.
สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้
Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 9,289.84 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนร้อยละ 55 โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ไปตั้งแต่ 1 ถึง 4 bps. ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 1 ปีปรับตัวขึ้นไปมากที่สุดที่ 4 bps.
US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม ได้ปรับตัวลดลงไป เป็นวันที่ห้าติดต่อกัน โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และการคาดการณ์ในเชิงบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ได้สนับสนุนความคิดที่ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯในเดือน พ.ย. และทำให้นักลงทุนลดการลงทุนในพันธบัตรลงไป อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางกลุ่มได้กล่าวว่า การปรับตัวลดลงราคาพันธบัตรหลายวันติดต่อกันนั้น น่าที่จะเป็นผลมาจากการปรับสมดุลการลงทุนของนักลงทุน หลังจากที่ราคาพันธบัตรได้เพิ่มขึ้นไปอย่างมากถึงระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อสัปดาห์ก่อน