สายการบินบริติช แอร์เวย์สร่วมกับชีวาศรม สปาหรูสัญชาติไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลกเสิร์ฟเมนู สุขภาพรูปแบบใหม่ รสชาติเยี่ยม เปี่ยมด้วยคุณค่าทางอาหารและมีแคลลอรี่ต่ำ สำหรับผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส เป็นครั้งแรก
เมนูที่ชีวาศรม เจ้าของรางวัลชนะเลิศจากการนำศิลปะปรุงอาหารแบบไทยขึ้นเวทีประกวดทั่วโลก คิดค้นขึ้นสำหรับเสิร์ฟบนความสูง 35,000 ฟุตนั้น จะมีความพิเศษในการช่วยรักษาสมดุลย์ของร่างกาย ย่อยง่ายและทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายมากที่สุดระหว่างการเดินทาง แต่ให้พลังงานมากกว่าสำหรับรองรับภารกิจหลังการเดินทาง
นายไพศาล ชีวินสิริวัฒน์ หัวหน้าเชฟชื่อดังของชีวาศรม ได้ร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมงานของสายการบินบริติช แอร์เวย์สในการสร้างสรรค์เมนูสปาแบบใหม่นี้ เพื่อผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสโดยเฉพาะ ในทดลองเสิร์ฟในเส้นทางบินจากลอนดอน-นิวยอร์ค และลอนดอน-กรุงเทพฯ และจะขยายไปยังเส้นทางอื่นๆ ต่อไป
เมนูจากครัวไทยระดับโลกดังกล่าวประกอบไปด้วย สลัดเนื้อย่างปรุงด้วยสมุนไพรไทย ปลาแซลมอลย่างพร้อมด้วยส้มตำ และของหวานที่ชวนลิ้มลอง อาทิ ริคอตตามูส (ricotta mousse) เสิร์ฟพร้อมมะม่วง และช็อคโกแลตมูสเสิร์ฟพร้อมเบอร์รี่สด
ส่วนผสมในเมนูที่หลากหลายของชีวาศรมนี้ปรุงจากวัตถุดิบที่สดสะอาดจากธรรมชาติอุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหาร มีไขมันต่ำ และให้ความสมดุลย์ของไขมัน โปรตีน แคลเซี่ยม และคาร์โบไฮเดรต ขณะเดียวกันก็ลดอันตรายจากสารอาหารบางชนิด อาทิ ไขมันและเกลือ สร้างประโยชน์อย่างสูงสุดแก่ผู้โดยสารในการคืนความชุ่มชื่นแก่ร่างกายและช่วยให้หลับสบาย
นางสาวจูลิแอน โรเจอร์ส ผู้จัดการประจำประเทศไทยสายการบินแควนตัสและบริติช แอร์เวย์ส เปิดเผยว่า “สายการบินบริติช แอร์เวย์ส มีความยินดีที่จะเสนอเมนูจากสปาชั้นนำของไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านการผสมผสานเมนูสุขภาพที่มีรสชาติดีเยี่ยม ซึ่งเหมาะสมกับภาพลักษณ์ใหม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ที่มุ่งเน้นเรื่องความเป็นอยู่ที่ดีของผู้โดยสาร (Well-being) เมนูทุกจานที่เราสร้างสรรค์ขึ้นนั้นผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์สูงสุด”
นายไพศาล ชีวินสิริวัฒน์ หัวหน้าเชฟของชีวาศรม ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “นับเป็นครั้งแรกที่ชีวาศรมได้ร่วมมือกับสายการบินในการพัฒนาเมนูสุขภาพที่ช่วยรักษาสมดุลย์ของร่างกายของผู้โดยสาร และนับว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ผู้โดยสารได้ตระหนักว่าอาหารเพื่อสุขภาพไม่จำเป็นต้องมีรสชาติจืดชืดเสมอไป”