20 ตุลาคม2547 – โพลีเพล็กซ์ ผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์หรือ แผ่นฟิล์ม PET ประเภทฟิล์มบาง ฉวยจังหวะที่ตลาดแผ่นฟิล์มเติบโต โดยตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจ เตรียมรุกไปยังตลาดยุโรป ยุโรปกลาง ยุโรปตะวันออกและตะวันตก รัสเซีย กลุ่มประเทศ CIS ตะวันออกกลาง และอัฟริกาเหนือ ประกาศความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ระดมทุนเพื่อซื้อเครื่องจักรขยายกำลังการผลิตให้สอดรับกับปริมาณความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายซันจีฟ ซาราฟ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ PTL ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายแผ่นฟิล์มบาง เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อ 26 มีนาคม 2545 เพื่อประกอบธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์หรือแผ่นฟิล์ม PET (PET Film) ประเภทฟิล์มบาง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก PET (PET Resin หรือ PET chips) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์หลายอย่างและสามารถนำไปประยุกต์ใช้กันในหลากหลายประเภท โดยผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผลิตได้นำไปใช้ในงานอุตสาหกรรมประเภท บรรจุภัณฑ์ (Packaging) อุตสาหกรรม (Industrial) และอุปกรณ์ไฟฟ้า (Electrical) โดยได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) (ปัจจุบันบริษัทมีผู้ถือหุ้น รายใหญ่คือ โพลีเพล็กซ์ คอร์ปอเรชั่น (Polyplex Corporation LTD.) หรือ PCL (บริษัทแม่) โดยถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมของบริษัท และเป็นผู้ประกอบธุรกิจประเภทเดียวกันในประเทศอินเดียมาเป็นเวลา 16 ปี ) โดยมีโรงงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมสยามอินดัสเตรียลพาร์ค จังหวัดระยอง มีกำลังการผลิตทั้งหมด 39,000 ตันต่อปี ซึ่งบริษัทได้ขออนุญาตจาก BOI เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้เป็น 48,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการจัดตั้งสายการผลิตเม็ดพลาสติก PET เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้าของบริษัท ซึ่งจะเปิดดำเนินการผลิตได้เท่ากับ 52,500 ตันต่อปีภายในเดือนธันวาคมศกนี้
กลุ่มบริษัทโพลีเพล็กซ์มีจุดแข็งอยู่ที่มีการจัดการด้านการผลิตที่ดี ทำให้มีต้นทุนการผลิตต่ำ การมุ่งเน้นผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการเติบโตสูง (กลุ่ม PIE – Packaging, Industrial & Electrical) การมีช่องทางจัดจำหน่ายทั่วโลก และการมีความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับลูกค้า
สำหรับผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์ม PET ที่บริษัทเป็นผู้ผลิตนั้นมีลักษณะโดยทั่วไปคือ เป็นแผ่นบางใส แข็งแรงทนทาน เป็นฉนวน มีความเรียบและเสียดทานน้อย ทนทานต่อการฉีกขาดหรือกดกระแทก มีความหนาตั้งแต่ 9-50 ไมครอน สามารถรักษารูปทรงได้ดีในระดับอุณหภูมิต่าง ๆ กัน ทนต่อความชื้น สารหล่อลื่น และตัวทำละลายหลายประเภท ทั้งยังป้องกันการซึมของก๊าซต่าง ๆ ได้ดี อีกทั้งยังเป็นสารที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม อันเนื่องมาจาก ไม่เป็นพิษ (Non-Toxic) ไม่มีส่วนผสมของโลหะหนัก ไม่มีส่วนผสมของ Plasticizer ที่ย่อยสลายไม่ได้ มีน้ำหนักเบา และสามารถนำมาใช้ใหม่ได้ง่าย (Re-use) ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเช่นนี้ ทำให้ตลาดแผ่นฟิล์ม PET มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าจะยังคงเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเติบโตของกลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่ขยายตัวประมาณ 5-10%
แผ่นฟิล์มของโพลีเพล็กซ์นั้นสามารถนำไปใช้ในธุรกิจต่าง ๆ อาทิ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexible packaging) แผ่นฟิล์มเคลือบโลหะ (Metallized film) แผ่นฟอยล์สีต่าง ๆ (Stamping foil) ชั้นเคลือบด้วยความร้อน (Thermal Lamination) ฉนวนไฟฟ้า (Electrical and cable insulation) ฉลากและภาพสามมิติ (Labels and holograms) ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยมีส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศประมาณร้อยละ 30 แต่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นการส่งออกไปขายยังต่างประเทศประมาณร้อยละ 90 ของรายได้ทั้งหมด และลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย อเมริกาและยุโรป
บริษัทมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจคือ การเป็นผู้ผลิตแผ่นฟิล์ม PET ระดับโลก โดยการสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจระหว่าง นักลงทุน ลูกค้าและพนักงาน โดยมีกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อให้บรรลุผลดังกล่าวคือ
• ขยายกำลังการผลิตเพื่อสนองตอบต่อการเติบโตของตลาด และรักษาความเป็นผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำ
• เสริมสร้างความสามารถในการจัดส่งสินค้า โดยมุ่งเน้นฐานการผลิตที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ซึ่งจะทำให้การจัดส่งผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ลดความเสี่ยงทางการตลาด โดยการกระจายฐานลูกค้าและการผลิตที่มีความหลากหลายตามสภาพภูมิศาสตร์
• ผลิตสินค้าหลากหลายประเภทเพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทมีโครงการที่จะผลิตแผ่นฟิล์ม Metalliser (แผ่นฟิล์ม PET ที่เคลือบด้วยอลูมิเนียมบาง) เพื่อขยายประเภทสินค้าตามความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น
• นโยบายในการขยายตลาดเป็นลำดับ โดยจะขยายไปยังตลาดแห่งใหม่ภายหลังจากที่สนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันได้เต็มที่แล้ว
ทั้งนี้ ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัท จึงได้เตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุน สำหรับการขยายตัวและเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม โดยมอบหมายให้บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และเป็นผู้ประสานงานดูแลและให้คำแนะนำในการเตรียมความพร้อมในการระดมทุนและนำบริษัทเข้าจดทะเบียน เพื่อกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และแต่งตั้งให้ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน โดยในปัจจุบัน โพลีเพล็กซ์มีทุนชำระแล้ว(หุ้นสามัญ)จำนวน 560 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 560 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน (140-240) ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 20-30 ของทุนจดทะเบียน ภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ โพลีเพล็กซ์จะมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วจำนวน 700 – 800 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ไปใช้เพื่อชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน และซื้อเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตต่อไป
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ บมจ.โพลีเพล็กซ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานะของกลุ่มโพลีเพล็กซ์ในระดับโลก แข็งแกร่งขึ้น จากการที่ขนาดกิจการของบริษัทใหญ่ขึ้น และมีการปรับปรุงโครงสร้างต้นทุนหลังจากเริ่มดำเนินการผลิตในประเทศไทย เมื่อรวมกำลังการผลิตของบริษัทและบริษัทแม่เข้าด้วยกันแล้ว กลุ่มโพลีเพล็กซ์จะเป็นผู้ผลิตแผ่นฟิล์ม PET ชนิดฟิล์มบางที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก (ไม่รวมกำลังการผลิต Magnatic media) โดยจุดแข็งของกลุ่มไม่ได้อยู่เพียงการที่มีกำลังการผลิตขยายใหญ่ขึ้น และมีต้นทุนการผลิตที่แข่งขันได้เท่านั้น แต่ยังอยู่ที่ทักษะความสามารถในการบริหารจัดการกิจการของกลุ่ม นโยบายของกลุ่มที่เน้นไปยังตลาดที่เติบโตสูง การมี ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วโลก ความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และความเชี่ยวชาญในการผลิตล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญอย่างยิ่งในธุรกิจ ที่จะส่งผลถึงศักยภาพในการเติบโตของบริษัท โดยเชื่อมั่นว่าโพลีเพล็กซ์จะเป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจของนักลงทุน และคาดการณ์ว่าจะสามารถเข้าตลาดได้ภายในปีนี้