รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 20 ตุลาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันพุธที่ 20 ตุลาคม ปิดตลาดปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 652.46 จุด ลดลง 8.54 จุดหรือร้อยละ 1.29 มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยตลาดปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์จากจีน และแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวที่ราคาได้ปรับขึ้นไปอย่างมากเมื่อวานนี้

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 12,999.13 จุด ลดลง 155.42 จุด หรือร้อยละ 1.18 จากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นจีนส่วนใหญ่ โดยนักลงทุนได้ขายหุ้นดังกล่าวออกมาเพื่อทำกำไรก่อนการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของจีนในวันศุกร์นี้ซึ่งคาดว่าจีดีพีของจีนจะชะลอตัวลงไปจาก 2 ไตรมาสก่อนหน้า

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยปิดที่ 10,882.18 จุด ลดลงไปอย่างมากถึง 182.68 จุด หรือร้อยละ 1.65 โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มเหล็กกล้า และกลุ่มชิบปิ้งจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงจากจีน

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันอังคารที่ 19 ตุลาคม ปิดตลาดปรับตัวลดลงไปปิดที่ 9,897.62 จุด ลดลง 58.7 จุดหรือร้อยละ 0.59 จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการสอบสวนธุรกิจประกัน ซึ่งได้ขยายไปถึงธุรกิจประกันสุขภาพด้วย ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มประกันสุขภาพปรับตัวลดลง นอกจากนั้น ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตเหล็กกล้าจากที่คาดว่าราคาเหล็กกล้าอาจจะลดลงในไตรมาส 4

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน, บาท และยูโรในวันนี้ โดยอยู่ที่ 108.33 เยน/ดอลลาร์ฯ, 41.3 บาท/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2546 ดอลลาร์/ยูโรตามลำดับ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดลดลงในวันนี้ โดยอยู่ที่ 652.46 จุด ลดลง 8.54 จุด หรือร้อยละ 1.29 มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 13,799.22 ล้านบาท โดยเป็นการปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาควันนี้ จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์จากจีน นอกจากนั้นแล้ว การที่คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงไปในช่วงปลายเดือน ต.ค.ก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาด ส่งผลให้มีการขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวที่ราคาเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อวานนี้ออกมา

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์โดยปิดที่ 10,882.18 จุด ลดลงไปถึง 182.68 จุดหรือร้อยละ 1.65 ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มเหล็กกล้า และชิบปิ้ง จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อาจจะชะลอตัวลงไปจากจีน ซึ่งได้ส่งผลให้มีการขายทำกำไรออกมาก่อนการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของจีนในวันศุกร์ นอกจากนั้นแล้ว การที่นักลงทุนเริ่มมีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มผลกำไรของเอกชน ได้ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีออกมาในวันนี้เช่นกัน

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงไปเช่นเดียวกัน โดยอยู่ที่ 12,999.13 จุด ลดลงไปถึง 155.42 จุด หรือร้อยละ 1.18 โดยตลาดได้รับปัจจัยลบจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นบริษัทจีนขนาดใหญ่หลายตัว เช่น หุ้นอลูมินั่ม คอร์ป ออฟ ไชน่า, หุ้นไชน่า โมไบล์ และหุ้นไชน่า ยูนิคอม จากแรงขายเพื่อทำกำไรก่อนการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของจีนในวันที่ 22 ต.ค.ซึ่งคาดว่าจะชะลอตัวลงไปจากไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาด เมื่อวันอังคารที่ 19 ต.ค. ปิดตลาดลดลงไปอยู่ที่ 9,897.62 ลดลง 58.7 จุด หรือ ร้อยละ 0.59 ปริมาณการซื้อขายหนาแน่นที่ 1.7 พันล้านหุ้น ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการสอบสวนธุรกิจประกัน ซึ่งได้ขยายไปถึงธุรกิจประกันสุขภาพด้วย และส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มธุรกิจประกันสุขภาพปรับตัวลดลง นอกจากนั้น การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มเหล็กกล้าจากการที่คาดว่าราคาเหล็กกล้าอาจจะลดลงในไตรมาส 4 ได้เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาด และบดบังปัจจัยบวกจากการประกาศผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทไอบีเอ็ม และ การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปิดที่1,922.9 จุด ลดลงไป 13.62 จุด หรือ ร้อยละ 0.7 โดยได้รับปัจจัยลบจากการปรับตัวลดลงของหุ้นในกลุ่มประกันเช่นเดียวกัน

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเล็กน้อยในวันนี้ โดยเป็นการปรับตัวไปในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินเยน และค่าเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคซึ่งได้แรงบวกจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดปรับตัวลดลงไปอยู่เหนือ 53 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรลเล็กน้อย และจากการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่อ่อนแอหลายตัวในช่วงที่ผ่านมา

Yen/USD
เงินเยนแข็งค่าขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 108.27 เยน/ดอลลาร์ฯในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์คเมื่อคืนนี้ ทั้งนี้เงินเยนได้รับปัจจัยบวกจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 55 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา, การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอหลายตัวในช่วงที่ผ่านมา และความไม่แน่ใจเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 เดือนเมื่อเทียบกับเงินยูโร ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ได้ชะลอการเข้าซื้อเงินดอลลาร์ฯ หลังจากการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ผันผวนหลายตัว ทั้งนี้เงินดอลลาร์ฯได้แรงบวกเล็กน้อยในช่วงแรก จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหลังการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 และดัชนีราคาผู้บริโภคขั้นพื้นฐานที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 แต่ก็ได้กลับอ่อนค่าลงในเวลาต่อมา

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 6,085.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนร้อยละ 45.6 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไประหว่าง 1 ถึง 3 bps. ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวปรับตัวลดลงตั้งแต่ -1 ถึง -3 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรสหรัฐฯในวันอังคารที่ 19 ต.ค. แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวันก่อน ทั้งนี้ราคาผลตอบแทนได้ปรับตัวลดลงอย่างมาก หลังจากการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่นักลงทุนพิจารณาว่ายังคงจะต้องมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานอีก 2 ครั้งก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในเดือน ธ.ค.ได้ช่วยทำให้มีแรงซื้อพันธบัตรกลับเข้ามาในช่วงท้ายตลาด