20 ธันวาคม 2547 – มุ่งพัฒนามาร์เก็ตติ้ง เผยยอดขายพีเจ้น เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10% ครองแชมป์ตลาดด้วย ส่วนแบ่ง 54%ของตลาดบนและกลาง เตรียมกลยุทธ์แนวรุก รักษาความเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้สำหรับแม่และเด็ก อย่างต่อเนื่อง ด้วย กิจกรรมการตลาดใหม่ ๆ ตั้งเป้าเพิ่มยอดอีก 15%
นายสุเมธ เลิศสุมิตรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มุ่งพัฒนามาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็กในปัจจุบันว่า มีการแข่งขันสูงและยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยมีมูลค่าตลาดรวมถึง 520 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาด Premium 43% Standard 25%และ Economy 32% ซึ่งตลาดรวมก็ยังเป็นที่น่าพอใจอยู่ถึงแม้ว่าอัตราการเกิดจะลดลงจากปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยหลัก คือ คุณแม่ยุคใหม่มีไลฟ์สไตล์ ( Life style) ที่เปลี่ยนไปจากเดิม โดยเริ่มหันมาให้ความสนใจด้านการเลี้ยงลูกด้วยตนเองมากขึ้น ประกอบกับมีความรู้ ความฉลาดเลือก และสนใจในคุณภาพของสินค้ามากกว่าราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่เสริมสร้างพัฒนาการ และตอบสนองด้านความสะดวกสบายในการเลี้ยงดูลูก ดังนั้น โดยภาพรวมแล้วอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ตลาด Premium ซึ่งจะโตขึ้นจากเดิม 15% มีมูลค่ากว่า 220 ล้านบาท และในส่วนของ Standard มีสัดส่วนเท่าเดิมคือ 132 ล้านบาท และ Economy จะลดลง 14% มีมูลค่า 167 ล้านบาท
ในปัจจุบัน แต่ละบริษัทเริ่มหันมาให้ความสนใจและพัฒนาในเรื่องของคุณภาพมากขึ้นและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สู่ตลาด และพยายามที่จะหา niche ของตนเอง ส่วนของผลิตภัณฑ์พีเจ้นได้เปรียบคู่แข่งเนื่องจากได้รับความไว้วางใจเรื่องคุณภาพจากผู้บริโภคจนสามารถครองความเป็นผู้นำตลาดมากว่า 30 ปี ทำให้คู่แข่งราย ใหม่ ๆ ลำบากพอสมควร โดยกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ชัดเจนมากที่สุดคือ กลุ่ม Mother care และสินค้ากลุ่ม Baby Accessories
“ทั้งนี้มีอัตราการเกิดของทารกจะมีตัวเลขที่ลดลงทุกปี แต่ไม่ได้มีผลกระทบต่อยอดขายของบริษัท เนื่องจากคุณแม่ยุคใหม่ใช้จ่ายด้านการเลี้ยงดูทารกสูงขึ้น และต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกและเสริมสร้างพัฒนาการมากขึ้น ซึ่งตรงนี้พีเจ้นถือเป็นแนวโน้มที่ดีในการทำตลาด” นายสุเมธ กล่าว
นายเมธิน เลิศสุมิตรกุล ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ กล่าวเสริมว่า ในปีที่ผ่านมานั้นมียอดขายเป็นตามเป้าหมายที่กำหนดไว้คือ เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ของยอดขายแต่ละกลุ่มสินค่า จึงทำให้ยอดขายรวมของบริษัทฯ เติบโตขึ้น คือกลุ่ม 15% คิดเป็นมูลค่า 190 ล้านบาท โดยยอดขายสูงสุดยังอยู่ที่ ผลิตภัณฑ์จุกนม, ขวดนม มียอดขาย 125 ล้านบาท รองลงมาคือ กลุ่มมาเทอร์แคร์ (Mother Care) มียอดขายอยู่ที่ 45 ล้านบาท และในกลุ่มสินค้านำเข้ามียอดขายอยู่ที่ 20 ล้านบาท โดยกลุ่มที่มีอัตราเติบโตสูงสุดนั้น คือ กลุ่ม Mother Care 55% จากเดิมที่มียอดขายเพียง 29 ล้านบาท โดยโตจาก 2 กลุ่มสินค้าด้วยกัน คือ Baby Wipes และBreast Pads โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Baby Wipes นั้นค่อนข้างมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยในปีนี้เราได้มีการขยายฐานลูกค้า จากกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นทารก มาเป็นกลุ่มคุณแม่ใช้เอง และสุดท้ายเราได้ขยายไปยังกลุ่มทีนส์ ซึ่งในปีนี้ เราได้แจก Sampling ผ่านทั้ง 2 กลุ่มไปแล้วกว่า 200,000 ชิ้น นอกจากนั้นในส่วนของ Breast Pads ก็มียอดขายเป็นที่น่าพอใจและมีอัตราเติบโตกว่า 30%
ส่วนแผนการดำเนินงานและเป้าหมายทางการตลาดในปีหน้านั้น ทางบริษัทมีแผนที่จะเติบโตขึ้นจากเดิม 15%กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จะเติบโตสูงสุดได้แก่ กลุ่ม Mother care
สำหรับแผนการตลาดที่จะเข้ามารองรับการเติบโต ดังกล่าวนั้น คือ เน้นการสร้างความแตกต่างในใจของผู้บริโภค โดยจะเน้นการตอกย้ำ เรื่องคุณภาพของสินค้า และแนวทางการพัฒนาสินค้าที่เหมาะสำหรับทารกชาวเอเชียโดยเฉพาะ เพื่อสร้างความแตกต่าง ให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเน้นการสร้าง Corporate Brand Pigeon ผ่านกิจกรรมทางด้านการตลาด และกิจกรรมทางด้านสังคมที่ทำให้แบรนด์ของเรามีภาพลักษณ์ที่ดี และทันสมัยควบคู่กัน และยังมีแผนที่จะ Educate Target groups ผ่านพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งในปีหน้าเราจะเน้นหาพันธมิตรที่ตรงกลุ่มที่มีความเข้าใจในอุตสาหกรรมนี้เช่นเดียวกับเรา และที่สำคัญที่สุดคือมีแนวทางการทำตลาด และกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายคลึงกับเรา โดยคาดว่าจะเริ่มได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า
“พีเจ้น เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีที่ประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นแบรนด์ที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งอย่างต่อเนื่องหลายปี จุดนี้เองที่ทำให้เราพยายามสื่อสาร และชี้ให้ลูกค้าเราเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการคิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้น เราพัฒนาขึ้นจากทารกเอเชีย โดยเฉพาะ ทั้งนี้ในส่วนของพีเจ้นพยายามที่จะ Support คุณแม่ในเรื่องของ Information และ Know How ใหม่ ๆ ในการเลี้ยงดูลูกนอกเหนือจากการ Support ในเรื่องสินค้า และเน้นในการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่อไป” นายเมธิน กล่าวในที่สุด