ดอลลาร์ฟื้นชีพ :เก็งดอกเบี้ยสหรัฐฯเพิ่ม

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่ากระเตื้องสูงขึ้นในรอบ 2 เดือน เมื่อเทียบกับเงินยูโร ผ่านแนวต้านที่ระดับ 1.30 ดอลลาร์/ยูโร ได้สำเร็จ หลังจากตลาดเงินคาดการณ์ว่าสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปยังคงทรงระดับอัตราดอกเบี้ยเดิม ทำให้การลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์ให้ผลตอบแทนดีกว่า ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น มีค่าเข้มแข็ง เมื่อเทียบกับเงินสกุลต่างๆ เนื่องจากยุโรปแสดงปฏิกริยาชัดเจนที่ต้องการให้ประเทศย่านเอเชีย โดยเฉพาะจีน ปล่อยให้ค่าเงินของตนเป็นไปตามกลไกตลาด เพื่อแบ่งเบาภาระของสกุลเงินยูโรที่มีค่าสูงเกินไป เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ทางด้านเงินปอนด์อังกฤษฟื้นตัวในช่วงท้ายสัปดาห์ เป็นผลจากรายงานภาวะตลาดแรงงานที่สดใส ทำให้คลายความกังวลว่าอังกฤษอาจลดอัตราดอกเบี้ยตอนช่วงหลังของปีนี้ สำหรับราคาทองคำในตลาดต่างประเทศยังคงอ่อนไหว สวนทิศทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อขายอยู่ในช่วง 421-424 ดอลลาร์/ออนซ์

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าโน้มสูงขึ้นเป็นลำดับ โดยสามารถทะยานแตะระดับ 1.29 ดอลลาร์/ยูโรในช่วงปลายสัปดาห์ ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนเงินดอลลาร์ ได้แก่

• ทิศทางอัตราดอกเบี้ยเพิ่ม
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ประกาศออกมาล่าสุด อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 0.8% ยอดการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่ม 10.9% และยอดชดเชยผู้ว่างงานลดลง ล้วนเป็นเครื่องชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเข้มแข็ง และอาจก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อได้ ทำให้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจทยอยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยอาจเพิ่มอีกในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จากปัจจุบันอยู่ที่อัตรา 2.25% เทียบกับอัตราดอกเบี้ยยูโรอยู่ที่ระดับ 2.0% ทำให้ผลตอบแทนของหลักทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์น่าสนใจกว่า แรงซื้อเงินดอลลาร์จึงพลอยเพิ่มมากขึ้นด้วย อีกทั้งถ้อยแถลงของผู้ว่าการแบงก์ชาติสหรัฐฯเมือง St. Louis ที่ออกเปรยๆว่าสหรัฐฯจำเป็นต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ทำให้บรรยากาศการลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์คึกคักยิ่งขึ้น

• มาตรการลดยอดขาดดุล
การที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯออกมาแสดงความคิดเห็นว่าสหรัฐฯยังคงเป็นแหล่งน่าลงทุนของชาวต่างประเทศ ด้วยการยืนยันว่าสหรัฐฯจะปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณลง มีส่วนช่วยหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์กระเตื้องขึ้น แม้ว่าจะยังไม่มีรายละเอียดออกมาก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเลขเงินทุนไหลเข้าสุทธิเดือนพฤศจิกายนที่มีมูลค่าสูงถึง 81 พันล้านดอลลาร์ ช่วยตอกย้ำคำแถลงของประธานาธิบดี Bush ที่ว่าสหรัฐฯยังเป็นแหล่งลงทุนของโลกต่อไป อีกทั้ง เงินทุนไหลเข้าในเดือนดังกล่าวยังสูงกว่ายอดขาดดุลการค้าในเดือนนั้นอีกด้วย จึงช่วยลดความหวาดกลัวของตลาดเงินเกี่ยวกับปัญหาการขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯ

ทางด้านเงินเยนญี่ปุ่น มีค่าเข้มแข็งอยู่ในอัตราเฉลี่ยราว 102 เยน/ดอลลาร์ เป็นผลจากแรงกดดันของกลุ่มยูโร ที่ต้องการให้เอเชียลดการแทรกแซงตลาดเงิน โดยเฉพาะจีน ควรปล่อยค่าเงินหยวนให้ยืดหยุ่น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ และที่ผ่านมา การที่ค่าเงินดอลลาร์ลดลงมากเมื่อเทียบกับเงินยูโร แต่กลับลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินเอเชีย ทำให้ยุโรปแบกภาระด้านเสียเปรียบในตลาดการค้าเพียงลำพัง จึงต้องการให้ชาติเอเชียเลิกอุ้มค่าเงินของตน คาดว่าในการประชุม G7 ราวต้นเดือนกุมภาพันธ์ กระแสเรียกร้องให้เงินหยวนยืดหยุ่นจะเพิ่มขึ้น พลอยทำให้เงินเยนและเงินเอเชียอื่นๆขยับสูงขึ้น เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์

เงินปอนด์อังกฤษ มีค่าอ่อนแอในช่วงแรกของสัปดาห์ เนื่องจากผลการสำรวจราคาอสังหาริมทรัพย์จากทางเว็บไซต์ต่างๆ ชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยในอังกฤษกำลังซบเซา จึงคาดว่าธนาคารกลางอาจมีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม เงินปอนด์มีค่าขยับสูงขึ้นในเวลาต่อมา หลังจากที่รายงานดัชนีผู้บริโภคเดือนธันวาคมเพิ่ม 1.6% อีกทั้ง ค่าจ้างเฉลี่ยในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก กระตุ้นให้ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อหวนกลับมาใหม่ และอาจทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยอังกฤษเพิ่มขึ้น แทนที่จะลดลงตามที่เคยคาดกันไว้

ตลาดทองคำต่างประเทศ ไม่มีปัจจัยโดดเด่นมากนัก ทำให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวตรงกันข้ามกับค่าเงินดอลลาร์เป็นสำคัญ ดังนั้น ราคาทองคำในรอบสัปดาห์นี้ จึงยังคงอ่อนตัว เมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯทะยานเข้มแข็งสูงสุดในรอบ 2 ปี เมื่อเทียบกับเงินยูโร ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์กันอีกครั้ง และผู้ซื้อทองในตลาดยุโรปก็เงียบเหงาลงด้วย

อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 17 มกราคม 2548 เทียบกับวันที่ 20 มกราคม 2548 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.3066 ดอลลาร์/ยูโร (1.2968 ดอลลาร์/ยูโร) 102.13 เยน (103.37 เยน) และ 1.8596 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.8724 ดอลลาร์/ปอนด์)

ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2548 เท่ากับ 422.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 421.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2548