เลแมน บราเดอร์ส คาดว่า เศรษฐกิจเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) จะมีทิศทางการเติบโตที่สดใส

กรุงเทพฯ : 2 กุมภาพันธ์ 2548 – เลแมน บราเดอร์ส บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนระดับโลก ได้จัดสัมมนาเรื่อง “ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2005” ที่ฮ่องกง เมื่อวานนี้ (1 กุมภาพันธ์ 2548) โดยมีคณะนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของเลแมน บราเดอร์ส ซึ่งได้แก่ นายจอห์น เลอเวลลีน หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจโลก นายอีธาน แฮร์ริส หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ สหรัฐอเมริกา นายไมเคิล ดิ๊คส์ หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ ยุโรป นายพอล ชีด หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ เอเชีย นายร็อบ ซับบาราแมนนักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ประจำภูมิภาคเอเชีย และนายจิม แมคคอร์มิค ผู้จัดการฝ่ายอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลของโลก ร่วมบรรยายเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและสกุลเงินสำคัญต่างๆ ของโลก

นายจิม แมคคอร์มิค เปิดเผยว่า เงินสกุลเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลงติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ขณะที่เงินสกุลของประเทศในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มที่จะทวีความสำคัญมากขึ้น

“องค์ประกอบสำคัญของปี 2005 คือ การอ่อนตัวลงของสกุลเงินเหรียญสหรัฐ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากสกุลเงินของประเทศในภูมิภาคเอเชีย มิใช่เป็นผลจากสกุลเงินยูโร ซึ่ง เลแมน บราเดอร์ส คาดว่า ค่าเงินของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียจะแข็งค่าขึ้น อาทิ เงินเหรียญไต้หวันที่แข็งค่าขึ้นร้อยละ 21 และเงินเรนเมนบิของจีนที่แข็งค่าขึ้นประมาณร้อยละ 5-10”
นายจิมกล่าวต่อไปว่า เลแมน บราเดอร์ส คาดว่า ในปลายปี 2548 อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินเยนของญี่ปุ่นกับเงินเหรียญสหรัฐจะเท่ากับ 90 เยนต่อ 1 เหรียญสหรัฐ และเงินวอนของเกาหลีจะมีมูลค่าเท่ากับ 900 วอนต่อ 1 เหรียญสหรัฐ สำหรับเงินเหรียญฮ่องกงคาดว่า จะเป็นเงินสกุลเดียวในภูมิภาคที่มีอัตราแลกเปลี่ยนคงที่

นายจอห์น เลอเวลลีน กล่าวว่า เลแมน บราเดอร์ส คาดว่า ในปี 2548 การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงร้อยละ 1 – 2.3 โดยมีภาวะเงินเฟ้อลดลงและอัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เลแมน บราเดอร์ส ยังเล็งเห็นถึงความเสี่ยงในการเกิดภาวะเศรษฐกิจทรุดต่ำลงอย่างเด่นชัด

“ความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลที่เพิ่มสูงขึ้นของสหรัฐอเมริกาเป็นประเด็นสำคัญมากขณะนี้ และหากมีกรณีใดกรณีหนึ่งใน 3 กรณีต่อไปนี้เกิดขึ้น ได้แก่ อัตราเงินออมของสหรัฐอเมริกาไม่เพิ่มขึ้น หรือเงินเหรียญสหรัฐที่อ่อนค่าลงจนไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล หรือการอ่อนตัวลงของค่าเงินเหรียญสหรัฐจนไม่สามารถควบคุมได้ จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีทิศทางการเติบโตที่ทรุดต่ำลงอย่างมาก” นายเลอเวลลีน กล่าว

สำหรับในประเทศญี่ปุ่น นายพอล ชีด กล่าวว่า เลแมน บราเดอร์ส คาดว่า ญี่ปุ่นจะประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นและความแปรปรวนของภาวะตลาดโดยรวม โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของจีดีพีเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.6

“เราคาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะถดถอยในปี 2548 โดยแม้ว่าจะมีกระบวนการฟื้นฟูภาวะเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขภาวะเงินฝืดได้ ซึ่งคาดว่า ญี่ปุ่นจะมีการดำเนินนโยบายเชิงรุก ซึ่งจะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับภาวะตลาดโดยรวมอย่างมาก” นายพอล กล่าว

เลแมน บราเดอร์ส มองภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศอื่นๆ ในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ว่า จะมีการเติบโตอย่างร้อนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮ่องกง จีน ไต้หวัน และเกาหลี ที่คาดว่า จะมีอัตราการเติบโตของจีดีพีสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน

“ความต้องการภายในประเทศ คาดว่า จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่เอเชียจะได้รับประโยชน์จากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจรวมทั้งระบบโครงสร้างทางสังคมในระยะยาวที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งได้แก่ การมีจำนวนประชากรในระดับชนชั้นกลางเพิ่มขึ้น มีการพัฒนาของสังคมเมืองอย่างรวดเร็ว มีการเปิดเสรีทางการเงิน และจะมีจำนวนคนหนุ่มสาวที่มีความต้องการในการกู้ยืมและใช้จ่ายมากขึ้น” นายร็อบ ซับบาราแมน กล่าวและเสริมต่อไปว่า

“เลแมน บราเดอร์ส ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจของฮ่องกง ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของจีดีพีร้อยละ 5.5 ในปี 2548 โดยฮ่องกงจะได้รับประโยชน์จากการอ่อนตัวลงของค่าเงินเหรียญสหรัฐซึ่งเป็นเงินสกุลที่เงินสกุลเหรียญฮ่องกงผูกค่าไว้ รวมทั้งได้รับประโยชน์จากการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจของจีน”

นายซับบาราแมน กล่าวต่อไปว่า แม้ว่าจีนมีอัตราการเติบโตของจีดีพีที่ชะลอตัวลงในปีที่ผ่านมา แต่เลแมน บราเดอร์ส เชื่อว่า เศรษฐกิจจีนจะมีความสมดุลมากขึ้น และประมาณการว่าจะมีอัตราการเติบโตร้อยละ 8.8 ในปี 2548 ซึ่งเป็นที่คาดว่า จีนจะอนุญาตให้มีการลอยตัวค่าเงินเรนเมนบิ

“มีความจำเป็นที่จีนจะต้องปรับให้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนมีความยืดหยุ่นขึ้นเพื่อสร้างความสมดุลให้กับการไหลเข้าของเงินลงทุนและการค้าจากต่างประเทศมากขึ้น ตลอดจนเพื่อให้สามารถควบคุมนโยบายทางการเงินได้ดีขึ้น ซึ่งเราคาดว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะสามารถเริ่มขึ้นได้ในอีกเพียงไม่กี่ไตรมาสข้างหน้านี้ โดยจะไม่ใช้เวลานานเป็นหลายปี”

นายซับบาราแมน กล่าวถึงธุรกิจการส่งออกของไต้หวันที่มีการแข่งขันมากขึ้น เนื่องจากค่าเงินสกุลไต้หวันต่ำกว่าความเป็นจริง รวมทั้งเป็นผลจากนโยบายที่จะควบรวมกับจีน

“อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นปัจจัยกระตุ้นให้สินเชื่อเพื่อผู้บริโภคขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีการฟื้นตัวของ ภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยคาดว่าในปี 2548 นี้ ไต้หวันจะมีอัตราการเติบโตของจีดีพี ร้อยละ 5 โดยมีความเสี่ยงสำคัญ 2 ประการ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลจีนและไต้หวัน และการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้ควบคุม”

นายซับบาราแมน กล่าวถึงประเทศเกาหลีว่ามีการเติบโตของรายได้เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับการออม จึงคาดว่า ภาคครัวเรือนจะมีการเริ่มต้นการใช้จ่ายขึ้นอีกครั้ง จึงคาดว่า เกาหลีจะมีอัตราการเติบโตของจีดีพีเท่ากับร้อยละ 4.9 ในปี 2548

“เกาหลีมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และใช้นโยบายเศรษฐกิจระดับมหภาคเป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ สำหรับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในขณะนี้ คาดว่าจะสามารถคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นในปี 2548”

ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกานั้น นายอีธาน แฮร์ริส ประเมินว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มการเติบโตที่ดี รวมทั้งมีโอกาสเกิดภาวะเงินเฟ้อ แต่สหรัฐอเมริกายังต้องเผชิญกับความเสี่ยงเกี่ยวกับ ‘วิกฤติ ค่าเงินเหรียญสหรัฐ’ โดยในปี 2548 เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะเริ่มต้นจากภาวะการค้าทีไม่สมดุล ภาวะ เงินออม ราคาบ้าน และปัญหาทางการเงินของรัฐบาล

“การเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในปี 2548 เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นักลงทุนละเลยคำเตือนเกี่ยวกับความไม่สมดุลที่เพิ่มสูงขึ้น วิกฤติการณ์ค่าเงินเหรียญสหรัฐอาจจะเกิดขึ้นถ้านักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินลงทุนออกจากสหรัฐอเมริกาอย่างรวดเร็ว รวมทั้งถ้าธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงอันตรายจากการอ่อนตัวของค่าเงินเหรียญสหรัฐ”

สำหรับทวีปยุโรปนั้น นายไมเคิล ดิ๊คส์ ให้ความเห็นว่า การแข็งค่าของเงินยูโรอย่างมากทำให้ เลแมน บราเดอร์ส คาดว่า ยุโรปน่าจะมีการเติบโตที่ไม่เป็นไปตามคาดการณ์อีกครั้งในปี 2548

“มีแนวโน้มที่จะสรุปได้ว่า ยุโรปจะมีการเติบโตที่ไม่สดใส แต่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากในด้านอัตราดอกเบี้ยเมื่อทิศทางของนโยบายยังคงมีความไม่แน่นอน” นายไมเคิล กล่าวในตอนท้าย

สำหรับสำเนาพรีเซนเตชั่นในงานสัมมนานี้พร้อมนำออกเผยแพร่แก่สื่อมวลชน โดยสามารถติดต่อขอรับได้ที่ บริษัท อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ จำกัด โทร. 0 2252 9871 หรืออีเมล์ s_waraporn@th.bm.com

เลแมน บราเดอร์ส (ตัวย่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค: LEH) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2393 เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในธุรกิจการเงินของโลก โดยเป็นผู้ให้บริการด้านการเงินแก่บริษัทเอกชน รัฐบาล และองค์กรของรัฐ ตลอดจน กลุ่มลูกค้าประเภทสถาบันและประเภทบุคคลชั้นนำทั่วโลก เลแมน บราเดอร์ส ยังเป็นผู้นำในด้านการขายหุ้นทุนและตราสารหนี้ การซื้อขายและวิเคราะห์หลักทรัพย์ การเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน การลงทุนส่วนบุคคล การบริหารสินทรัพย์ และการให้บริการลูกค้าส่วนบุคคลระดับสูง เลแมน บราเดอร์ส มีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก ลอนดอน และโตเกียว และมีการดำเนินงานในรูปแบบของเครือข่ายสำนักงานซึ่งมีอยู่ทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เลแมน บราเดอร์ส สามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทได้ที่ www.lehman.com