เอเอ็มดีตอบโต้กรณีอินเทลยอมรับข้อกล่าวหาของคณะกรรมาธิการการค้ายุติธรรมญี่ปุ่นที่ระบุว่าอินเทลละเมิดกฏหมายต่อต้านการผูกขาด

ซันนีเวล, แคลิฟอร์เนีย–(บิสิเนส ไวร์)–31 มี.ค.2548 – บริษัทเอเอ็มดี (NYSE:AMD) ได้ออกแถลงการณ์ระบุถึงการที่บริษัทอินเทล เค.เค. (อินเทล) ยอมรับข้อกล่าวหาของคณะกรรมาธิการการค้ายุติธรรมของญี่ปุ่น (เจเอฟทีซี) เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2548 ที่ระบุว่า อินเทล เค.เค.ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของญี่ปุ่น ในมาตราที่ 3 ดังนี้

“เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่แม้ว่ามีการระบุถึงพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขันที่กระทำอย่างรอบคอบและวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างเฉพาะเจาะจง แต่อินเทลก็ปฏิเสธที่จะเผชิญและยอมรับความเสียหายที่ทางบริษัทเป็นผู้กระทำต่อผู้แข่งขันและลูกค้า” นายโธมัส เอ็ม. แม็คคอย รองประธานบริหารฝ่ายกฎหมายและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของเอเอ็มดีกล่าว “แม้การที่อินเทลยอมทำตามข้อเสนอแนะของเจเอฟทีซีอย่างเต็มใจจะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง แต่อินเทลก็ไม่สามารถแสดงความรับผิดชอบในการกระทำของบริษัท หรือรับรู้ว่าการแข่งขันเป็นแนวทางที่ดีที่สุดเมื่อลูกค้าและผู้บริโภคมีทางเลือก เจเอฟทีซีพิจารณาว่าอินเทลตั้งเงื่อนไขในการกำหนดราคาสินค้าของบริษัทไว้บนพื้นฐานของลูกค้าที่ไม่ได้ทำธุรกิจกับผู้แข่งขัน ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลทั่วโลกจะต้องสร้างความมั่นใจว่า พฤติกรรมต่อต้านการแข่งขันเช่นนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดของพวกเขาด้วย”

ตามข้อเสนอแนะของเจเอฟทีซีซึ่งออกเมื่อวันที่ 8 มี.ค.2548 ระบุว่า อินเทลได้ใช้อำนาจการผูกขาดของบริษัทในทางที่ผิดเพื่อการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมและเปิดเผย ซึ่งถือเป็นการละเมิดมาตราที่ 3 ของกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของญี่ปุ่น การตรวจพบเหล่านี้เผยให้เห็นว่า อินเทลใช้ลูกเล่นที่ผิดกฏหมายเพื่อหยุดยั้งการเติบโตในส่วนแบ่งตลาดของเอเอ็มดี ด้วยการวางข้อจำกัดต่อผู้ผลิตพีซีของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจเอฟซีทีพบว่า

– ผู้ผลิตพีซีรายหนึ่งถูกบังคับให้ตกลงซื้อซีพียูจากอินเทลทั้ง 100% และผู้ผลิตอีกรายหนึ่งถูกบังคับให้ลดสัดส่วนการซื้อซีพียูที่ไม่ใช่ของอินเทลลงสู่ระดับ 10% หรือต่ำกว่า

– อินเทลได้วางเงื่อนไขการให้ส่วนลดสำหรับผู้ผลิตพีซีที่ใช้เฉพาะซีพียูของอินเทลตลอดทั้งซีรีส์ของคอมพิวเตอร์ที่มีการจำหน่ายภายใต้แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเพื่อกีดกันให้ซีพียูของเอเอ็มดีหลุดออกจากวงจรการจำหน่าย

– กลไกที่ใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้รวมถึงการให้ส่วนลดและแนวปฏิบัติด้านการตลาด ซึ่งรวมถึงโครงการที่ให้ระบุสัญลักษณ์ “Intel Inside” และการจัดตั้งกองทุนพัฒนาตลาดซึ่งได้รับเงินสนับสนุนผ่านทางบริษัทแม่ของอินเทลในสหรัฐฯ

ข้อเสนอแนะของ JFTC ระบุว่า อินเทลได้วางข้อจำกัดเหล่านี้เพื่อตอบโต้โดยตรงต่อการที่เอเอ็มดีมีสัดส่วนตลาดเพิ่มขึ้นในปี 2543-2545 และข้อเสนอแนะนี้ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ผลสืบเนื่องจากการกระทำที่ไม่ถูกต้องดังกล่าว ทำให้สัดส่วนตลาดรวมกันของเอเอ็มดีและบริษัทผลิตซีพียูที่มีขนาดเล็กอีกแห่งหนึ่ง ลดลงจากระดับ 24% ในปี 2545 เหลือเพียง 11% ในปี 2546

ทั้งนี้ JFTC ได้กำหนดข้อจำกัดหลายประการต่ออินเทล เป็นต้นว่า ทางบริษัทจะต้องแจ้งลูกค้า และให้ความรู้แก่พนักงานว่าบริษัทจะไม่สามารถให้ส่วนลดหรือเงินทุนอื่นๆ อีกต่อไปแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ของญี่ปุ่นบนเงื่อนไขซึ่งเป็นการกีดกันซีพียูของคู่แข่ง

ขณะเดียวกัน การสืบสวนของคณะกรรมาธิการยุโรปเกี่ยวกับพฤติกรรมทางธุรกิจของอินเทลซึ่งต่อต้านการแข่งขันในตลาดยุโรปก็ยังคงดำเนินไปในขณะนี้

จุดยืนของเอเอ็มดีต่อการแข่งขันที่ยุติธรรมและเปิดเผย

เอเอ็มดียึดมั่นในการแข่งขันที่ยุติธรรมและเปิดเผย รวมทั้งสนับสนุนคุณค่าและการแข่งขันที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภค โดยธุรกิจและผู้บริโภคควรสามารถได้รับอิสระในการเลือกสรรจากผลิตภัณฑ์ที่มีการแข่งขันอย่างหลากหลายซึ่งมาจากนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องบนการแข่งขันที่เท่าเทียมกันซึ่งทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎ โดยเมื่อกลไกตลาดทำงาน ผู้บริโภคก็จะมีทางเลือก และทุกฝ่ายจะได้รับประโยชน์

เกี่ยวกับเอเอ็มดี

เอเอ็มดี คือ ผู้ออกแบบ และผลิตไมโครโพรเซสเซอร์ แฟลชเมมโมรี่ และโพรเซสเซอร์ชนิดประหยัดพลังงานสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสาร ตลอดจนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เอเอ็มดีคือผู้นำเสนอโซลูชั่นมาตรฐานที่มุ่งตอบสนองทุกๆ ความต้องการของผู้ใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่องค์กรธุรกิจและหน่วยงานรัฐบาล ไปจนถึงผู้ใช้ทั่วไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.amd.com

ติดต่อ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เอเอ็มดี
มารี ฮายาชิ, +81 3 3346 7560 (ญี่ปุ่น)
[email protected]
เดฟ โครล, 408-749-3310 (สหรัฐฯ)
[email protected]
หรือ
ฝ่ายรัฐบาลสัมพันธ์ เอเอ็มดี
เจนส์ ดรูว์ส, +49 351 277 1015 (ยุโรป)
[email protected]