Vitesse เปิดตัวซอฟต์แวร์จัดการสวิทช์ผ่านเว็บ WebSparX

ลาสเวกัส–(บิสิเนส ไวร์)–2 พฤษภาคม 2548 – ซอฟต์แวร์สแต็ก (Software stack) ช่วยให้สามารถปรับแต่งแอปพลิเคชันที่เน้นคุณภาพในการให้บริการ (Quality of Service:QoS) เช่น Voice-over-IP ได้อย่างรวดเร็วและร่นระยะเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างมาก ซึ่งส่งผลให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ดังกล่าวกินเวลาเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์

Vitesse Semiconductor Corp. (NASDAQ:VTSS) ซึ่งเป็นผู้นำในด้านกิกะบิตอีเทอร์เน็ต (Gigabit Ethernet) แถลงข่าวในวันนี้ว่า ในขณะนี้มีซอฟต์แวร์ที่สามารถนำมาใช้งานร่วมกับกิกะบิตอีเทอร์เน็ตสวิทช์ในซีรี่ส์ Sparx-G5(TM) และ Sparx-G8(TM) ซึ่งมีระบบฝังตัวอยู่ภายในชิป (System-on-a-ship) แล้ว โดย WebSparX(TM) คือ ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ผลิตและผู้ออกแบบสวิทช์ (switch OEM and ODM) สามารถสร้างส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ (Browser-based use interface) ของสวิทช์สำหรับ Small Office Home Office (SOHO), องค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small Medium Business: SMB) และผู้ใช้งานเครือข่ายอีเทอร์เน็ตไร้สาย (Consumer wireless Ethernet network) ที่มีความยืดหยุ่นได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการพัฒนาส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

เนื่องจากมีการใช้งานกิกะบิตอีเทอร์เน็ตในหลายรูปแบบ เช่น Voice-over-IP, Power-over-Ethernet (IEEE802.3af) จึงทำให้สวิทช์สำหรับอีเทอร์เน็ตมีราคาต่ำลงและมีปริมาณการใช้งานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ทั้ง OEM, ODM และ Contract Manufacturer (CM) ต่างมีความต้องการโซลูชั่นที่ช่วยให้สามารถป้อนผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาซอฟต์แวร์ การนำ SparX(TM) และ WebSparX มาใช้งานร่วมกัน จะช่วยให้ OEM, ODM และ Contract Manufacturer (CM) สามารถพัฒนาส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานแบบเว็บเพจที่สามารถปรับแต่งได้โดยใช้เวลาน้อยกว่า 2 สัปดาห์ อีกทั้งยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาส่วนติดต่อกับผู้ใช้งาน และการยึดติดกับกับซอฟต์แวร์ได้เป็นอย่างดี

WebSparX ช่วยให้การพัฒนาส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานและการกำหนดค่าสวิทช์เป็นงานที่ง่ายขึ้น

ในปัจจุบันมีการใช้งานกิกะบิตอีเทอร์อย่างแพร่หลายทั่วโลก จนทำให้ดูเหมือนเป็นบริการมาตรฐานสำหรับเครื่องเดสก์ท็อป หรือแม้กระทั่งเครื่องแล็ปท็อป ซึ่งทำให้เกิดความต้องการในหลายๆด้าน เช่น การมีสวิทช์ที่สามารถกำหนดค่าการทำงานได้ง่าย การจัดการสวิทช์ผ่านเว็บ ฟีเจอร์ที่ใช้ในการกำหนดค่าทางด้านคุณภาพในการให้บริการและการจัดการงานในด้านเครือข่ายข้อมูล เสียง และวิดีโอ และเนื่องจาก SOHO และ เครือข่ายที่ใช้ตามที่พักอาศัยส่วนมากจะถูกดูแลโดยผู้ใช้งานทั่วไป จึงทำให้ผู้ใช้งานดังกล่าวประสบปัญหาในการกำหนดค่าการทำงานและการจัดการฟีเจอร์ขั้นสูงเหล่านี้ เพื่อให้เกิดความสะดวกในการดำเนินงานที่กล่าวมา จึงมีการนำส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานผ่านเว็บมาใช้งาน ทั้งนี้การแจกจ่ายซอร์สโค้ดมากับชุดพัฒนาของ WebSparX จะทำให้ OEM และ ODM สามารถปรับแต่งส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานและเว็บเพจได้ โดยการดำเนินงานในส่วนของการจัดลำดับความสำคัญในการรับส่งข้อมูล การ Remark DSCP (ซึ่งเป็นความต้องการหลักในการใช้งาน Voice-over-IP) การเชื่อมต่อสื่อนำข้อมูล (Link aggregation) และการกำหนดค่าการทำงานของ VLAN จะถูกนำมาแสดงเป็นเมนูภายในเว็บเพจดังกล่าว นอกจากนี้ WebSparX ยังมีส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานที่เป็นแบบ Command Line Interface (CLI) เพื่อให้ผู้ให้บริการ (Service provider) สามารถกำหนดค่าแบบอัตโนมัติโดยใช้สคริปต์ได้

ไมเคิล ทอร์เซน ผู้อำนวยการฝ่ายซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันผลิตภัณฑ์อีเทอร์เน็ตของ Vitesse กล่าวว่า “เนื่องจากลูกค้าของเราคือ OEM และ ODM ที่จำหน่ายสวิทช์ให้แก่กลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับราคาและตลาดในส่วนอีเทอร์เน็ต ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการ Software stack ที่มีลักษณะเป็นเว็บเพจ ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่กล่าวมาได้ ทั้งนี้ แอปพลิเคชันรูปแบบใหม่ เช่น Voice-over-IP นั้น ให้ความสำคัญกับคุณภาพในการให้บริการและการควบคุมการทำงาน ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าของเราต้องการมีส่วนติดต่อกับผู้ใช้ที่ใช้งานง่าย ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ที่มีลักษณะเป็นเว็บเพจจะช่วยให้การกำหนดค่าการทำงานของสวิทช์เป็นงานที่ง่าย ซึ่ง WebSpaX ได้ตอบสนองความต้องการเหล่านี้ โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด”

WebSparX มีฟีเจอร์หลักสำหรับการจัดการสวิทช์ผ่านเว็บ

WebSparX มีฟีเจอร์ที่สนับสนุนการทำงานของสวิทช์ ซึ่งอยู่ในเลเยอร์ที่ 2 ของกิกะบิตอีเทอร์เน็ต สำหรับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่าย, SOHO, SMB, และผู้ใช้งานแอปพลิเคชันทั่วไป ดังนี้

– ฟังก์ชันการทำงานของเว็บเซิร์ฟเวอร์และส่วนติดต่อแบบ CLI
– ใช้สำหรับงานจัดการพื้นฐานและกำหนดค่า QoS, ความเร็วของการส่งข้อมูลภายใน VLAN และสื่อนำข้อมูล (Link) ต่างๆ
– การสนับสนุนโปรโตคอล TCP/IP
– ใช้ควบคุมสวิทช์จากเว็บเบราว์เซอร์ใดๆ
– การสนับสนุนโปรโตคอล SNMP
– ใช้สำหรับตรวจสอบสถานะการทำงานและควบคุมสวิทช์ผ่านเว็บเบราว์เซอร์
– การสนับสนุนการทำ Link aggregation
– ใช้สำหรับปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสวิทช์ในเครือข่ายความเร็วสูง
– การสนับสนุนการอัพเดตซอฟต์แวร์
– ช่วยให้สามารถอัพเดตซอฟต์แวร์จากระยะไกลผ่านเว็บ หรือ
– อัพเดตซอฟต์แวร์โดยใช้โปรแกรมวินโดว์สผ่านพอร์ต COM
– VeriPHY(TM) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบสายเคเบิลขั้นสูง
– ช่วยในการตรวจสอบและแก้ปัญหาในการวางสายเคเบิล เช่น ปัญหาในการเปิด ตัด หรือข้อบกพร่องปลายสายเคเบิล

WebSparX ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์ด้วยการใช้งานซีพียูที่มีอยู่

เนื่องจาก WebSparX จะทำงานบนซีพียูที่มีสถาปัตยกรรมสอดคล้องกับ 8051 ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลของสวิทช์ในซีรี่ส์ SparX และ HawX(TM) ดังนั้นการจัดการสวิทช์ผ่านเว็บจึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานซีพียูภายนอกเพิ่มแต่อย่างใด ซึ่งส่งผลให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์ (Bill-of-Materials:BOM) ได้ตั้งแต่ 4–20 เหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับราคาตามประสิทธิภาพในการทำงานของซีพียูภายนอก หากต้องมีการใช้งานซีพียูดังกล่าวเพิ่มเติม และหากมีการนำคอมไพเลอร์มาตรฐานอุตสาหกรรม KEIL มาแปลให้เป็นซอร์สโค้ดของ SparX ซึ่งใช้ชุดคำสั่งภาษา C ตามมาตรฐานของ ANSI จะช่วยให้เกิดความสะดวกในการนำโปรแกรมไปใช้งานบนซีพียูภายนอกที่มีสถาปัตยกรรมสอดคล้องกับ 8051 หรือซีพียูในตระกูลอื่นได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ทั้ง OEM และ ODM สามารถออกแบบส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานไปใช้งานเพียงครั้งเดียว และใช้ utility ที่มีอยู่ใน Software stack เพื่อให้ส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานไปใช้งานดังกล่าว สามารถทำงานบนสวิทช์อื่นๆ ในซีรี่ส์ SparX และ HawX ได้

การสาธิตการใช้งาน ราคา และการวางจำหน่าย

ทางบริษัทจะสาธิตการใช้งาน WebSparX ในงาน Network+Interop 2005 และเนื่องจาก WebSparX ถูกรวมไว้ในชุดอุปกรณ์พัฒนาของสวิทช์ในซีรี่ส์ SparX-G5 และ SparX-G8 ลูกค้าที่ใช้งานสวิทช์ SparX ในซีรี่ส์ดังกล่าว จึงได้รับซอร์สโค้ดและคู่มือการใช้งาน WebSparX โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด นอกจากนี้ SparX จะมาพร้อมกับสวิทช์รุ่นอื่นๆ ในซีรี่ส์ SparX ซึ่งจะมีการเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ทั้งนี้ทาง Vitesse ได้เปิดศูนย์เทคโนโลยีกิกะบิตอีเทอร์เน็ต (Gigabit Ethernet Technology Center – http://www.vitesse.com/ethernet) เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลในด้านเทคนิคแบบออนไลน์สำหรับวิศวกรออกแบบผู้พัฒนาแอปพลิเคชันทางด้านกิกะบิตอีเทอร์เน็ต และเป็นการเพิ่มช่องทางในการสนับสนุนทางด้านเทคนิคระดับโลกของบริษัทอีกทางหนึ่ง

เกี่ยวกับสินค้าด้านเครือข่ายอีเทอร์เน็ต

Vitesse เป็นซัพพลายเออร์ที่รู้จักกันดีในหมู่ OEM ที่เป็นผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์บอร์ดแบรนด์รุ่นใหม่ ด้วยการมีอุปกรณ์ด้านกิกะบิตอีเทอร์เน็ตที่มีใช้กำลังไฟในการทำงานน้อยและมีความสมบูรณ์ในตัวเอง ประกอบกับการมีความมุ่งมั่นในงานด้านกิกะบิตอีเทอร์เน็ตอย่างแรงกล้า จึงทำให้บริษัทสร้างสรรค์นวัตกรรมสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

เกี่ยวกับ Vitesse

Vitesse เป็นผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบ พัฒนา และจำหน่ายอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำสำหรับเครือข่ายการสื่อสารและเครือข่ายจัดเก็บข้อมูลทั่วโลก ด้วยวิศวกรรมที่ล้ำหน้าคู่แข่ง และการให้บริการลูกค้าที่เหนือกว่า ทำให้ Vitesse เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชิปสำหรับอีเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือ Gigabit Ethernet, ระบบสื่อสารข้อมูลแบบ EoS และระบบสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงอื่นๆ เช่น การสื่อสารผ่านใยแก้ว และระบบอินเทอร์เฟสแบบ SCSI ความเร็วสูง เป็นต้น นวัตกรรมของ Vitesse เป็นส่วนประกอบสำคัญของอุปกรณ์ที่เป็นแกนหลักของระบบ, โครงข่ายระดับมหานคร และอุปกรณ์ที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ รายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับบริษัทและผลิตภัณฑ์สามารถเรียกดูได้ที่ http://www.vitesse.com

Vitesse เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน และ WebSparX, SparX, SparX-G5, SparX-G8, VeriPHY และ HawX เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา และ/หรือเขตที่กฎหมายคุ้มครองของ Vitesse Semiconductor Corporation เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนอื่นใดซึ่งถูกกล่าวถึงในที่นี้ เป็นทรัพย์สินของเจ้าของผู้เกี่ยวข้อง

หมายเหตุถึงกองบรรณาธิการ:

ข้อมูลทางด้านเทคนิคเพิ่มเติมหรือข้อมูลอ้างอิงของศูนย์เทคโนโลยีกิกะบิตอีเทอร์เน็ต กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.vitesse.com/ethernet

ติดต่อ: Vitesse Semiconductor Corporation
รอนดา เกรช, +1-805-445-2255
[email protected]