บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความสำเร็จด้านการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง เมื่อเร็วๆนี้ ด้วยการคว้ารางวัล นายกรัฐมนตรี อุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2548 จากการที่จีเอ็มเป็นบริษัทผลิตรถยนต์คุณภาพมาตรฐานระดับโลก เพื่อผู้บริโภคในประเทศไทยและส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยยึดมั่นหลักการให้ความสำคัญด้านการรักษาสภาพแวดล้อมทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลก ซึ่งสามารถยืนยันเจตนารมย์ขององค์กร ได้จากการประกาศหลักการด้านสิ่งแวดล้อม และแนวทางการปฏิบัติงานด้านสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่บริษัทฯเข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทย
นับเป็นปีที่ 3 แล้ว ที่บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับรางวัล นายกรัฐมนตรี อุตสาหกรรมดีเด่น โดยในปี 2547 จีเอ็มได้รับรางวัลเดียวกันนี้ใน ประเภทการบริหารงานคุณภาพ และประเภทการบริหารความปลอดภัย ในปี 2544 ซึ่งรางวัล นายกรัฐมนตรี อุตสาหกรรมดีเด่นนี้ จะมอบให้กับบริษัทต่างๆที่มีความดีเด่นในการจัดการด้านๆต่างๆ 6 ประเภทด้วยกัน เป็นประจำทุกปี เพื่อให้กำลังใจและประกาศเกียรติคุณแก่บริษัทในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในด้านการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ และยังช่วยส่งเสริมมาตรฐานของคุณภาพสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยอีกด้วย
บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ จากการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 27 ท่าน ทั้งจากภาครัฐและเอกชน อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งมีเกณฑ์การพิจารณาบริษัทที่เหมาะสมจากคณะกรรมการที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในแต่ละประเภท เช่น เกณฑ์การพิจารณารางวัลในประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่จีเอ็มได้รับในปีนี้ ประกอบไปด้วยนโยบายและเป้าหมายด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในองค์กร การวางแผนและการจัดการผลิตที่สะอาด การดำเนินการจัดการกากของเสีย การใช้วัสดุหรือวัตถุดิบในการผลิตที่สะอาดปลอดภัย การมีส่วนร่วมในการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมของบุคลากรทุกระดับในองค์กร รวมทั้งการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมในชุมชนและสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนโดยรอบ
มร. วิลเลี่ยม บอทวิค ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล นายกรัฐมนตรี อุตสาหกรรมดีเด่น อีกครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่จีเอ็มให้ความใส่ใจและตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องการรักษาสภาพแวดล้อมในประเทศไทยเสมอมา รวมทั้งความร่วมมืออย่างดีของพนักงานจีเอ็มทุกคน ทำให้เราได้สร้างมาตรฐานอันโดดเด่น ด้านการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ท่ามกลางบริษัทผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ในประเทศไทย”
นับตั้งแต่ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยเมื่อกลางปี 2539 ณ นิคมอุตสาหกรรม อิสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง จีเอ็มได้ยึดมั่นในหลักการ และริเริ่มนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม อันประกอบด้วยนโยบายหลัก มากกว่า10 หัวข้อ ด้วยกัน ตั้งแต่การเลือกใช้เทคโนโลยีการวางแผนและการจัดการผลิตที่สะอาด ขั้นตอนการกำจัดกากของเสีย และการให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นประจำทุกเดือนในวารสารสีเขียว (Green Newsletter)และการจัดการอบรมให้แก่พนักงานเพื่อสร้างการเตรียมพร้อมรับเหตุสุดวิสัยและแนวทางในการจัดการกับเหตุฉุกเฉินต่างๆ (ดูรายละเอียดในเอกสารที่แนบมาด้านท้าย)
“จีเอ็มยึดมั่นในนโยบายด้านการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งวางแผนตรวจวัดและเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ เป็นประจำเพื่อให้แน่ใจ ว่าการผลิตรถยนต์คุณภาพของเราจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้เรายังมีเป้าหมาย ที่จะเพิ่มการป้องกันมลพิษ ที่อาจจะส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและพัฒนาการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ให้มีมาตรฐานสูงยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต” มร. วิลเลี่ยม บอทวิค ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในที่สุด
ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา จีเอ็มได้ริเริ่มนโยบายการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานแล้ว ยังช่วยสนับสนุนเป้าหมายการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของจีเอ็ม ประเทศไทย อาทิเช่น การลดปริมาณของเสียลงร้อยละ 15 จากปี 2543 การเพิ่มสัดส่วนของเสียที่นำกลับไปใช้ได้ใหม่ ร้อยละ 15 และการลดอัตราการใช้พลังงาน (ต่อหน่วยผลิต) ร้อยละ 10 ต่อปี
นอกจากนี้ จีเอ็มยังมีเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในระดับภูมิภาค อันได้แก่การเพิ่มความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในชุมชนด้วยการควบคุมปริมาณของมลพิษที่ปล่อยออกมาให้ต่ำกว่ามาตรฐานกำหนด ทั้งนี้ จีเอ็ม ยังได้เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกที่สร้างมลพิษและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง
เจนเนอรัล มอเตอร์สคอร์เปอเรชั่น ก่อตั้งในปี 2451 และกลายมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งเป็นผู้นำด้านยอดจำหน่ายทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2474 ปัจจุบัน จีเอ็มจ้างงานบุคลากรคุณภาพทั่วโลกมากกว่า 340,000 คน มีศูนย์การผลิตตั้งอยู่ใน 34 ประเทศ และส่งออกรถยนต์เพื่อจำหน่ายใน 200 ประเทศ ในปี 2547 จีเอ็มมียอดจำหน่ายรถยนต์และรถกระบะทั่วโลกสูงถึง 9 ล้านคัน ซึ่งสูงขึ้นร้อยละ 4 และถือเป็นสถิติการจำหน่ายที่ดีที่สุดอันดับสอง นับตั้งแต่บริษัทฯก่อตั้งมาเกือบ 100 ปี
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เจนเนอรัล มอเตอร์สคอร์ปเปอเรชั่น ได้ที่ เว็บไซต์ www.gm.com