กสิกรสวนกระแส ลดดอกเบี้ยกู้ซื้อเอ็นพีเอ 0.25% ตั้งเป้าปีนี้ขาย 3,500 ล้าน

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสินเชื่อผู้บริโภค ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารพร้อมที่จะสนองนโยบายของรัฐบาลในการเร่งระบายบ้านมือสองของธนาคาร โดยในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ธนาคารมีนโยบายที่จะเร่งขายทรัพย์รอการขาย (NPA) ของธนาคาร โดยได้เสนออัตราดอกเบ ี้ยเงินกู้อัตราพิเศษสำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้เงินเพื่อซื้อทรัพย์จากการแก้ไขหนี้ ทรัพย์จากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี และทรัพย์รอการขายของธนาคาร ในอัตราที่ต่ำกว่าลูกค้าทั่วไปประมาณ 0.25%

ทั้งนี้ลูกค้าสามารถเลือกรูปแบบเงินกู้ได้ 6 แบบ คือ แบบที่ 1 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1 ปีแรก คิด 2.75% แบบที่ 2 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 ปีแรก คิด 3.75% แบบที่ 3 อัตราดอกเบี้ยลอยตัว 1 ปีแรก เอ็มแอลอาร์ ลบ 3.25% แบบที่ 4 อัตราดอกเบี้ยลอยตัว 2 ปีแรก เอ็มแอลอาร์ ลบ 2.25% แบบที่ 5 อัตราดอกเบี้ยลอยตัว 3 ปีแรก เอ็มแอลอาร์ ลบ 1.25% หลังจากระยะดังกล่าวคิดในอัตราเอ็มแอลอาร์ หรือในปัจจุบันเท่ากับ 5.75% และแบบที่ 6 คิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวพิเศษ เอ็มแอลอาร์ ลบ 0.50% ตลอดอายุสัญญาการกู้

ลูกค้าสามารถกู้ได้สูงสุด 90% ของราคาทรัพย์ที่ซื้อ แต่ไม่เกิน 90% ของราคาประเมิน กรณีท ี่ต้องการกู้เพิ่มเติมเพื่อใช้ในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยสามารถกู้ได้สูงสุดไม่เกิน 80% ของค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง แต่รวมแล้วต้องไม่เกินกว่า 10% ของวงเงินกู้หลัก

ด้านนายอติพัฒน์ อัศวจินดา ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สินรอการขาย กล่าวว่า นอกจากการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แล้ว ธนาคารยังจัดโครงการส่งเสริมการขายพิเศษร่วมกับการให้สินเชื่อ โดยมีโครงการจัดมหกรรมขายทรัพย์รอการขายทั้งในส่วนภูมิภาคและกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อเร่งขายทรัพย์รอการขายให้ลูกค้าในราคาส่วนลดพิเศษ ซึ่งลูกค้าสามารถต่อรองราคาซื้อขายได้ทันที และจะได้รับคำตอบเบ ื้องต้นว่าจะสามารถซื้อทรัพย์รอการขายของธนาคารในงานได้ในราคาที่ต้องการได้หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาในต่างจังหวัดค่อนข้างประสบความสำเร็จในการขาย ส่วนในกรุงเทพฯ ก็พร้อมที่จะนำทรัพย์รอการขายทั้งหมดร่วมงาน NPA Grand Sale ในปลายเดือนนี้ด้วย

ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าว่าปีนี้จะขายทรัพย์รอการขาย หรือ NPA ให้ได้ 3,500 ล้านบาท จากจำนวน NPA ของธนาคารปัจจุบัน 16,000 ล้านบาท โดย 6 เดือนสามารถขายได้แล้วประมาณ 1,300 ล้านบาท คาดว่าในครึ่งปีหลังแนวโน้มน่าจะดีขึ้น เนื่องจากธนาคารจะเน้นการขายทรัพย์ชิ้นใหญ่มากขึ้น โดยผู้สนใจสามารถดูทรัพย์รอการขายของธนาคารได้ที่ www.kasikornbank.com