‘ธนาคารกลางสหรัฐฯ’ ได้สั่งให้ ‘ซิตี้’ สถาบันการเงินรายใหญ่ ปรับปรุงระบบการทำงานภายในองค์กรอีกครั้ง โดยเฉพาะวิธีวัดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของคู่ค้า โดยในช่วงที่ผ่านมาปัญหาการจัดการด้านความเสี่ยงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา
สำนักข่าว Reuters รายงานข่าว โดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้สั่งให้ Citi สถาบันการเงินรายใหญ่ ปรับปรุงระบบการทำงานภายในองค์กรอีกครั้ง โดยเฉพาะวิธีวัดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของคู่ค้า
Fed ได้ส่งหนังสือแจ้ง Citi ถึง 3 ครั้งเพื่อสั่งให้ธนาคารจัดการว่าจะวัดความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้โดยคู่สัญญาในธุรกรรมอนุพันธ์อย่างไรในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยก่อนหน้านี้ฝ่ายตรวจสอบภายในพบว่างานบางส่วนที่ทำเพื่อปรับปรุงการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งธนาคารยังไม่เพียงพอ
แหล่งข่าวของ Reuters ยังกล่าววอีกว่า ฝ่ายตรวจสอบภายในยังพบว่าสถาบันการเงินรายนี้ล้มเหลวในการปฏิบัติตามขั้นตอนข้อกำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงได้รับรายงานที่ครอบคลุมเกี่ยวกับความเสี่ยงทั่วทั้งบริษัท
Citi อยู่ในช่วงเวลาที่ต้องแก้ไขปัญหาด้านกฎระเบียบที่หน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐอเมริกาได้สั่งลงมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการด้านความเสี่ยง การจัดการด้านข้อมูล ไปจนถึงการควบคุมภายในสถาบันการเงิน โดยสถาบันการเงินรายนี้ได้รับปากที่จะแก้ปัญหา รวมถึงจ่ายค่าปรับถึง 400 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 ที่ผ่านมา
ในช่วงที่ผ่านมา Jane Fraser ซึ่งเป็น CEO ของ Citi ได้ปรับโครงสร้างของธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นการปลดพนักงาน หรือแม้แต่การปรับโครงสร้างการบริหารภายใน รวมถึงการยกระดับการจัดการด้านความเสี่ยง
สถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐฯ รายนี้ต้องการที่จะเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ราคาหุ้นของ Citi ตามหลังคู่แข่งรายใหญ่ เนื่องจากแรงกดดันจากการปรับโครงสร้างองค์กร รวมถึงปัญหาการจัดการด้านความเสี่ยงที่ยังแก้ไขไม่แล้วเสร็จ
และคำเตือนจาก Fed ที่ส่งให้ Citi นั้นอาจทำให้แผนการปรับปรุงโครงสร้างนั้นต้องใช้เวลายาวนานกว่าที่คาด