“เคพีเอ็นฯ” ร้อน โชว์กำไรครึ่งปี 48

กรุงเทพฯ : 11 สิงหาคม 2548 – บริษัท เคพีเอ็น ออโตโมทีฟ จำกัด (มหาชน) (KPN) ผู้นำในธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ของเมืองไทย สรุปรายได้รวมครึ่งปีแรกกว่า 1,190.6 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 817 ล้านบาท คิดเป็น 45.7 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกำไรสุทธิกว่า 92 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 42 ล้านบาท คิดเป็น 119.05 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นผลจากการเติบโตของธุรกิจยานยนต์ในระดับมหภาคและการได้รับออร์เดอร์จากลูกค้ารายใหม่ พร้อมประกาศข่าวดีเตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปี 48 จำนวน 0.25 บาทต่อหุ้น มั่นใจรายได้ทั้งปีโต 40 เปอร์เซ็นต์ตามคาด

นายณัฐวุฒิ เภาโบรมย์ ประธานกรรมการปฏิบัติการ บริษัท เคพีเอ็น ออโตโมทีฟ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2 ประจำปี 2548 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 630.1 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 406 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 55.2 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกำไรสุทธิ 45.5 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 46.5 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการเสียภาษีของบริษัทฯ

“จากผลประกอบการที่ผ่านมา ถือว่าบริษัทฯ สามารถขยายตัวได้ตามเป้าที่วางไว้ทั้งในด้านรายได้ กำไร และอัตรากำไรขั้นต้น อันเป็นผลสืบเนื่องจากการเติบโตของธุรกิจยานยนต์ในระดับมหภาคและการรับรู้รายได้จากลูกค้ารายใหม่ อาทิ ดาน่า คอร์ปอเรชั่น และ ซัมซุง ซึ่งถือเป็นลูกค้ารายใหม่ระดับนานาชาติในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมถึงการเพิ่มขึ้นของยอดคำสั่งซื้อจากลูกค้าเดิม อาทิ ยามาฮ่า, ออโตอัลลายแอนซ์ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ฟอร์ด และมาสดา, และผู้ผลิตของใช้ในครัวเรือนแบรนด์ไอเกีย เป็นต้น”

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ประจำปี 2548 ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะทุบขึ้นรูป ถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้สูงสุดถึง 292.4 ล้านบาท ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกทำรายได้ 192.2 ล้านบาท ธุรกิจแฟรนไซส์ค้าอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ทำรายได้ 24.8 ล้านบาท และธุรกิจคลังสินค้าและกระจายสินค้าทำรายได้ 136.4 ล้านบาท

ทั้งนี้ ภายหลังที่บริษัทฯ สามารถล้างขาดทุนสะสมจำนวน 36.83 ล้านบาทได้หมดในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้มีการจ่ายเงินปันผลระกว่างกาลงวดครึ่งปี 2548 ซึ่งบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของกำไรสุทธิ โดยคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติเงินปันผลระหว่างกาลในครั้งนี้ที่จำนวน 0.25 บาทต่อหุ้น

“บริษัทฯ มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าผลประกอบการปี 2548 จะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการขยายตัวของฐานลูกค้าระดับนานาชาติ (Multi-National Company) ในธุรกิจลอจิสติกส์และธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนพลาสติก รวมถึงรายได้จากการส่งออกชิ้นส่วนช่วงล่างและระบบขับเคลื่อนยานยนต์ไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ยอดการส่งออกในปี 2548 เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงความพร้อมจากการติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิต ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในปี 2548 โตตามที่คาดการณ์ไว้ไม่น้อยกว่า 40 เปอร์เซ็นต์” นายณัฐวุฒิ กล่าวในตอนท้าย