ไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์ เมืองหนังสือแห่งแรกของไทยแหล่งรวมร้านหนังสือและสำนักพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุด

ดั๊บเบิ้ล เอ และพันธมิตรสำนักพิมพ์ทั่วไทย ร่วมกันจุดประกายสร้างฝันให้นักอ่าน กระตุ้นตลาดสิ่งพิมพ์ กำเนิดแนวคิดเมืองหนังสือแห่งแรกของไทย ภายใต้โครงการ “ไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์” เมืองหนังสือแนวตั้ง 9 ชั้น 6,000 ตร.ม. Reading Society แห่งใหม่ของไทย ที่รวบรวมหนังสือทุกแขนงทั่วไทย และเป็นครั้งแรกที่สำนักพิมพ์หลายแห่งจะมีหน้าร้านของตนเองที่นี่ พร้อมกิจกรรมกระตุ้นต่อมคิดสำหรับเยาวชนและครอบครัวตลอดปีมั่นใจพื้นที่จองเต็มในปีนี้ และจะพร้อมเปิดบริการต้นปี 49 ตั้งเป้ายอดจำหน่ายหนังสือปีแรก 1.5 ล้านเล่ม

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ – การตลาด ดั๊บเบิ้ล เอ กล่าวว่า ดั๊บเบิ้ล เอ ได้ร่วมกับสำนักพิมพ์ของไทยหลายแห่ง ในการคิด ริเริ่ม ที่จะร่วมกันสนับสนุนสังคมแห่งการเรียนรู้ และกระตุ้นอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไทย ด้วยการตั้งเมืองหนังสือแห่งแรกของไทย ภายใต้โครงการ “ไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์” (Thailand Book Tower : TBT) ซึ่งจะดำเนินการโดยบริษัท บุ๊ค ทาวเวอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด โดยมีทีมคณะที่ปรึกษาซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในวงการสำนักพิมพ์และวงการที่เกี่ยวข้องรวม 10 ท่าน คือ นายธนะชัย สันติชัยกูล Vice Chairman / President Nation Multimedia Group PCL และนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย, นางสุวดี จงสถิตย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด, นางริสรวล อร่ามเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด ,นางนิดดา หงษ์วิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ สำนักพิมพ์แสงแดด, นายวิสิทธิ์ โรจน์พจนรัตน์ กรรมการผู้จัดการ สำนักพิมพ์พัฒนาศึกษา, นายปรีชา ไชยบุญเรือง ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท ดวงกมลสมัย จำกัด และประธานชมรมผู้จัดจำหน่ายหนังสือ, นายศิริศักดิ์ ศิริไพศาลกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ธนบรรณปิ่นเกล้า จำกัด, นายวินัย ชาติอนันต์ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท เคล็ดไทย จำกัด และนายสรพันธ์ บุนปาน ผู้จัดการจัดจำหน่ายกรุงเทพ บริษัท มติชน จำกัด (งานดี) รวมถึง ดั๊บเบิ้ล เอ ก็ได้ร่วมเป็น 1 ในคณะที่ปรึกษาด้วยเช่นกัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของวงการที่มีการรวมตัวกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับสังคมเช่นนี้

สำหรับ “ไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์” หรือ ทีบีที เป็นโครงการที่จะสร้างเมืองหนังสือแห่งใหม่แห่งแรกของไทย มีพื้นที่ 9 ชั้น ขนาดพื้นที่รวมประมาณ 6,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนนสาทร ใจกลางย่านธุรกิจและการศึกษา มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเพื่อเป็นงานศิลปะบนถนนสาทร งานดีไซน์อาคารต้องการสื่อถึงความเป็นเมืองหนังสือ รีดดิ้ง โซไซตี้ (Reading Society) ของคนไทย ภาพลักษณ์ของอาคารจะผสมผสานความเป็นหนังสือและหลักศิลาจารึก ในรูปลักษณ์ที่ทันสมัย โดยภายในอาคารจะเน้นการดีไซน์ ให้ทุก ๆ ชั้น เป็นเมืองหนังสือในแนวโมเดิร์น ที่เข้าถึงทุกกลุ่ม และเน้นความสบายในการอ่าน ทำให้การอ่านและการเลือกหนังสือเสมือนการพักผ่อน เพื่อให้เมืองหนังสือแห่งนี้เป็นแหล่งรวมผู้รักการอ่านทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นเยาวชน วัยรุ่น ครอบครัว นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่รักการอ่าน เพื่อสร้างวัฒนธรรมการอ่านสู่วิถีชีวิตประจำวันของคนไทย และส่งเสริมให้เกิดการผลิตหนังสือดีมีคุณค่าให้กับกลุ่มสำนักพิมพ์มากยิ่งขึ้น

เอกลักษณ์ที่สำคัญของเมืองหนังสือแห่งนี้ คือ จะเป็นแหล่งรวมร้านหนังสือหลายแห่งและจากสำนักพิมพ์ต่างๆ มากที่สุดในประเทศไทย ทำให้มีความหลากหลายของหนังสือและนิตยสารในแต่ละประเภท รวมถึงมุมหนังสือหายาก ที่ผู้อ่านสามารถมาเลือกสรรได้ ที่สำคัญคือจะเป็นเมืองหนังสือที่มี กิจกรรมกระตุ้นต่อมความคิดของเยาวชนและครอบครัวทุกๆ วันตลอดทั้งปี ทำให้เป็นเมืองหนังสือที่เต็มไปด้วยสีสันและมีชีวิต สามารถกลับแวะเวียนเข้ามาได้ทุกวัน รวมทั้งมีบริการค้นหาหนังสือที่ต้องการได้ง่าย ด้วยระบบ Search Engine พร้อมทั้งมีพนักงานที่เป็น Book Specialists และ Book Consultants คอยให้คำแนะนำหนังสือที่ต้องการ ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มลูกค้าและผู้สนใจเข้ามาประมาณ 4,000 คนต่อวัน และมียอดจำหน่ายหนังสือไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านเล่มในปี 2549

ขณะนี้มีสำนักพิมพ์และร้านค้าที่ตัดสินใจเข้ามาเปิดร้านหรือฝากจำหน่ายหนังสือในโซนต่าง ๆ ของ ไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์ แล้วหลายบริษัท คือ กลุ่มสำนักพิมพ์ที่ตัดสินใจร่วมเปิดร้านหนังสือของตนเอง มีแล้วกว่า 20 รายคือ อักษรา ฟอร์ คิดส์, อทิตตา, หมอชาวบ้าน, สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย, สุขภาพใจ ,มติชน ,เคล็ดไทย, แสงดาว, แบร์ พับลิชชิ่ง, อนิเมท, เนชั่นบุ๊คส์, สารคดี, มูลนิธิเด็ก, ดวงกมลสมัย, พัฒนาศึกษา, นานมีบุ๊คส์, แปลนฟอร์คิดส์, MisSofttech, พาส เอ็ดดูเคชั่น, ชมรมบัณฑิตแนะแนว และไทยวัฒนาพานิช รวมถึงกลุ่มหนังสือทางเลือกที่ประกอบด้วย 14 สำนักพิมพ์เช่นโกมลคีมทอง, Opens, สวนเงิน เป็นต้น กลุ่มที่สองเป็นสำนักพิมพ์ที่สนใจฝากจำหน่ายหนังสือในโซนต่าง ๆ ของไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์ มี 8 ราย คือ เรือนปัญญา, Success Media, สร้างสรรค์บุ๊คส์, ธรรมนิติ, ไอ ดี ซี อินโฟ ดิส ทริบิวเตอร์, ห้องเรียน, สกอลลาร์ วิดีโอ และเอ็กซเปอร์เน็ท และมีร้านค้าอาทิ Nestle, True, Pizza Corner, New York Deli เป็นต้น

ทั้งนี้ ไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์ ยังมีพื้นที่ให้กับสำนักพิมพ์ หรือ ร้านหนังสือที่สนใจ และร้านค้าต่าง ๆ มาจองพื้นที่ได้อีก 1,200 ตร.ม. หรือประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่รวม โดยจะเปิดจองจนถึงเดือนตุลาคมนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงอาคารและตกแต่งสถานที่ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการประมาณช่วงต้นปี 2549 ที่จะถึงนี้

นอกจากร้านหนังสือเป็นจำนวนมากที่อยู่ใน ไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์ แล้ว ยังมีพื้นที่จำหน่ายหนังสือโซนต่างๆ ที่ไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์ จัดให้เหมาะกับการทำกิจกรรมและความสนใจของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ได้แก่ ท้อป ฮิต โซน (Top Hit Zone) หรือจุดนัดพบในชั้นแรก จะเป็นจุดที่รวบรวมหนังสือขายดีและหนังสือแนะนำที่คัดสรรมาจากทุกสำนักพิมพ์สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย และเป็นจุดจำหน่ายนิตยสารและหนังสือพิมพ์ทุกยี่ห้อ ศูนย์รวมเครื่องเขียน บริการถ่ายเอกสาร และบริการไปรษณีย์ ร้านกาแฟ

ส่วนชั้นที่ 2 ฟีลลิ่ง โซน (Feeling Zone) โซนวรรณกรรมทุกประเภทสำหรับคนทุกวัย และร้านหนังสือจากสำนักพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งอินเทอร์เน็ต คาเฟ่ สำหรับชั้นที่ 3 ลิฟวิ่ง โซน (Living Zone) ซึ่งจะเป็นโซนหนังสือวาไรตี้ ทั้งเรื่องบ้าน อาหาร สุขภาพ บันเทิง ท่องเที่ยว ศิลปะวัฒนธรรม สังคม การเมือง เศรษฐศาสตร์ โหราศาสตร์ ดนตรี กีฬา ชั้นที่ 4 เป็น คิดส์โซน (Kids Zone) มีหนังสือสำหรับเด็ก หนังสือแม่และเด็ก มุมเพลย์กราวด์ที่เยาวชนจะได้อ่านและเล่นอย่างสนุกสนาน ชั้นที่ 5 เบรน โซน (Brain Zone) โซนหนังสือตำราประเภทต่างๆ ทุกประเภท และสำหรับผู้ที่ต้องการหนังสือจากต่างประเทศสามารถแวะที่ชั้น 6 เวิล์ด โซน (World Zone)

สำหรับชั้นที่ 7 ฟู้ด โซน (Food Zone) พื้นที่สำหรับร้านอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมด้วยที่นั่งประมาณ 300 ที่ เมื่อมาถึงชั้น 8 แอคทิวิตี้ส์ โซน (Activities Zone) จะเป็นโซนกิจกรรมที่เหมาะสำหรับจัดกิจกรรมเสริมสร้างการอ่านต่างๆ อาทิ การเปิดตัวหนังสือใหม่ การจัดงานสัมมนา เสวนา เรื่องต่างๆ ที่น่าสนใจ และสุดท้ายชั้นที่ 9 เลิร์นนิ่ง โซน (Learning Zone) ศูนย์รวมแห่งศาสตร์ด้านภาษา ดนตรี และศิลปะ

สำหรับสำนักพิมพ์และผู้ประกอบการที่สนใจพื้นที่สามารถติดต่อได้ที่ โทร 0-5835-3140