พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ โชว์ความเป็นมืออาชีพด้านธุรกิจรับบริหารการขายโครงการ พลิกภาวะวิกฤติท่ามกลางกระแสต้นทุนก่อสร้างพุ่งอย่างต่อเนื่องเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ ชูจุดขายความพร้อมของทีมการตลาดและการขาย เสนอตัวรับเป็นที่ปรึกษาแบบครบวงจร หวังช่วยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขายได้แบบทะลุเป้าภายในเวลาที่กำหนด เผยมั่นใจในศักยภาพและฐานข้อมูลลูกค้า ล่าสุดคว้างานบริหารการขายโครงการ “ศิมันตรา” บ้านเดี่ยวสไตล์รีสอร์ท ย่านลาดพร้าวต่อจากการบริหารการขายโครงการคอนโดมิเนียม “คาริสม่า” ของกลุ่มอินสไตล์ เอสเตท ย่านเอกมัย ส่งผลให้ยอดรวมการบริหารโครงการที่พลัสรับบริหารมาทั้งหมดพุ่งถึง 32,000 ล้านบาท รวม 37 โครงการ
นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจบริหารการตลาดและการขายแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ตลอดปีที่ผ่านมา พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ได้ดำเนินการบริหารการตลาดและการขายโครงการในลักษณะต่างๆ มาเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการในกลุ่มแสนสิริ ซึ่งก็สามารถบริหารการขายไปได้ตามเป้าหมายทุกโครงการ บริษัทฯ จึงเล็งเห็นว่าน่าจะนำความโดดเด่นในศักยภาพของทีมการตลาดและการขายมาพัฒนาในเชิงรุกเพื่อแสวงหาโครงการที่มีคุณภาพ แต่อาจจะขาดความชำนาญการในด้านการตลาดและการขายมาร่วมกันปรับกลยุทธ์เพื่อนำไปสู่ยอดขายที่เร็วกว่าคู่แข่ง เพราะเป็นที่ทราบดีว่าในปัจจุบัน ภาวะการแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ราคาต้นทุนการก่อสร้างมีแนวโน้มที่จะถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการเองจึงต้องวางแผนการขายให้มีประสิทธิภาพ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จึงใช้จังหวะของตลาดในปัจจุบัน นำเสนอบริการที่ปรึกษาด้านการตลาดและการขาย โดยชูความแข็งแกร่งในเรื่องศักยภาพของทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านการตลาดและการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ ตลอดจนฐานลูกค้าที่มีการบริหารข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอมาเป็นกลไกหลักอันจะนำไปสู่ความสำเร็จ
“ปัจจุบันผมมองว่าผู้ประกอบการหลายราย ยังต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและการขาย เพราะหากพิจารณาจะพบว่า ที่ดินและเงินทุนเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยากนักในการจะพัฒนาโครงการขึ้นมา แต่สิ่งหนึ่งซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั่นก็คือ “กลยุทธ์ทางการตลาดและการวางแผนการขาย” ให้ได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจากการเข้าใจในเรื่องกลไกการทำตลาดนี้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จึงได้พัฒนาและให้ความสำคัญต่อคุณภาพของระบบการดำเนินงานด้านการตลาด ประกอบด้วย การจัดการภายในโครงการ ทีมงาน ฐานข้อมูลลูกค้า หรือแม้กระทั่งบริษัทที่ปรึกษาด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่ต้องมีความชำนาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาเป็นเวลานาน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สร้างเพียง 1-2 ปี แต่ต้องสร้างและพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานับ 10 ปี ซึ่งผมเชื่อว่า ณ ปัจจุบัน พลัสถือเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่มีความพร้อมด้านบริหารงานขายอย่างครบวงจร ด้วยประสบการณ์ที่อยู่ในวงการมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้เรามีความแข็งแกร่งด้านฐานข้อมูลลูกค้าที่มากและแม่นยำ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยผู้ประกอบการได้มาก จากประสบการณ์ของพลัสที่ด้านธุรกิจการบริหารงานขายมานานจวบจนปัจจุบันมีโครงการเข้ามาให้พลัสรับบริหารถึง 37 โครงการ โดยตั้งเป้าไว้เมื่อต้นปีเพียง 35 โครงการ เกินกว่าเป้า มา 2 โครงการ โดยแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 13 โครงการ คอนโด 23 โครงการทาวน์เฮ้าส์ 1 โครงการ ส่วนโครงการที่พลัสยังคงบริหารการขายให้อยู่ในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 23 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 26,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจบริหารการขายและการเป็นตัวแทนนายหน้าซื้อขาย ให้เช่าในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาประมาณ 100 ล้านบาท” นายเมธากล่าว
ต่อมุมมองเกี่ยวกับความสำคัญในการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดในแบบมืออาชีพมาเป็นทัพหลักในการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ในยุคปัจจุบันนั้น ประธานอำนวยการ ให้ความเห็นว่า “ผมว่าในยุคปัจจุบันการสร้างทีมการตลาด และการขายเองเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างหนักสำหรับโครงการระดับกลางถึงเล็ก เพราะผู้ประกอบการบางรายไม่ได้มีแผนการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง และในภาวะที่ต้องการการบริหารต้นทุนอย่างมีศักยภาพ ยิ่งทำให้บทบาทของบริษัทด้านการบริหารการขายโครงการในการเข้ามาเป็นผู้ช่วยมืออาชีพนั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยให้เจ้าของโครงการประหยัดงบในการว่าจ้างทีมการตลาดในระยะยาวแล้ว ยังมีฐานข้อมูลลูกค้าแบบเบ็ดเสร็จมาให้ ส่งผลให้การขายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย จุดนี้เองจึงเป็นเหมือนประกายความคิดหลักที่ทำให้เราหันมารุกตลาดบริหารการตลาดและการขายในช่วงครึ่งปีหลัง 2548 อย่างจริงจัง และล่าสุดเราได้รับเลือกจากบริษัท ควอลิตี้ คอนเซ็ปต์ พลัส จำกัด ผู้พัฒนาโครงการบ้านศิมันตรา บ้านเดี่ยวคุณภาพใจกลางเมืองย่านลาดพร้าว 71 ให้เข้าไปร่วมวางแผนการตลาดและการขายให้อย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา และยังมีอีกประมาณ 3-4 โครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาในเรื่องรายละเอียด ซึ่งน่าจะสรุปได้ภายในปีนี้ ส่วนโครงการต่อไปที่เราจะรับบริหารงานขายต่อจากโครงการศิมันตรา คือ โครงการศราวัณ การ์เด้นท์ ย่านแจ้งวัฒนะของบริษัท ซีที พร็อพเพอร์ตี้ ไทยแลนด์ จำกัด มูลค่าโครงการประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเข้าไปบริหารงานขายภายในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้าแน่นอน”
ทั้งนี้ โครงการศิมันตราเป็นโครงการบ้านเดี่ยวสั่งสร้างในแบบทรอปิคอล สไตล์ มีเนื้อที่ตั้งแต่ 67-109 ตารางวา โดยบ้านมี 3 แบบให้เลือก บนพื้นที่ใช้สอย 200, 230 และ 250 ตารางเมตร โดยทุกแบบบ้านมีครัวไทย ด้วยราคาขายเริ่มต้นที่ 5.95 ล้านบาท ตั้งอยู่ในทำเลย่านลาดพร้าว 71 ที่สามารถเดินทางได้สะดวก และรายล้อมด้วยแหล่งสาธารณูปโภคแบบครบครัน “ผมเชื่อมั่นว่าการเข้ามาของเราในการบริหารการตลาดและการขายของโครงการศิมันตราในครั้งนี้ จะดำเนินแผนได้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดอย่างแน่นอน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ สามารถขายโครงการในแบรนด์ พลัส ซิตี้พาร์คได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็เป็นโครงการที่มีที่ตั้งอยู่ในละแวกดังกล่าว ดังนั้นเราจึงมีความชำนาญในทำเลดังกล่าวมาก ประกอบกับคุณภาพที่ดีอยู่แล้วของโครงการศิมันตราและรูปแบบในการดีไซน์ ตลอดจนพื้นที่ใช้สอยที่ลงตัว ย่อมเป็นปัจจัยเสริมซึ่งกันและกันและนำไปสู่ความสำเร็จในองค์รวมได้อย่างแน่นอน” ประธานอำนวยการกล่าวสรุป
บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรของไทย ทุนจดทะเบียน (ชำระแล้ว) 600 ล้านบาท ให้บริการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, บริหารงานขายโครงการอสังหาริมทรัพย์, ให้คำปรึกษาเรื่องการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์, การบริหารอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย และให้บริการเป็นตัวแทนนายหน้าด้านอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมีโครงการที่พัฒนาเองทั้งสิ้น 14 โครงการ และโครงการที่รับบริหาร (Property Management) รวมกว่า 90 โครงการ ซึ่งถือเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยในปัจจุบัน